Friday, December 22, 2017

ตอนที่2 ปสก.เปลี่ยนใบขับขี่ไทย เป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น



เฮลโหล กลับมาจากศูนย์สอบขับรถละจ้าา

*รีวิวที่มาเล่าให้ฟัง เราไปทำที่สำนักงานเมือง Mito จังหวัด Ibaraki นะคะ
อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเมืองนะคะ

เราเริ่มกันแต่เช้าาา ช่องเปิดรับแบบฟอร์มสมัครสอบคือ 9.00-10.00น.
เราไปถึงก่อนค่่ะ เพื่อความมั่นใจ
ขออภัยที่รูปไม่มีนะคะ เพราะคนเยอะ จะยกกล้องถ่ายอยู่
เกรงใจ Privacy ของบุคคลแถวนั้น นางอาจจะรู้สึกโดนคุกคาม

ไปถึงแปดโมงกว่าๆ ตรงดิ่งเข้าไปช่องหมายเลข 12 ค่ะ
เป็น General Information แจ้งเค้าว่าจะมาเปลี่ยนใบขับขี่ต่างชาติ เป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น
นางก็ถามคำถามเบสิค ว่าจากประเทศไหน เลือกสอบเกียร์ออโต้ หรือแมนน่วล
ถ้าออโต้ จะเป็นใบขับขี่สำหรับออโต้อย่างเดียวนะคะ
ถ้าเลือกสอบแมนน่วล ใบขับขี่ที่ได้จะสามารถขับได้ทั้งแม่นน่วลและออโต้ค่ะ

เราก็จะได้แบบฟอร์มมากรอกค่ะ
ซึ่งขึ้นตอนนี้ ใครอ่านญี่ปุ่นไม่ออก สมควรมีพกคนช่วยมาด้วยค่ะ
เพราะทั้งหมดทั้งมวล ไม่มีภาษาอังกฤษสักตัว อิหอย

ในเวปไม่มีใครพูดถึงรูปถ่ายเลย
ตอนแรกก้อนึกว่าไม่ต้องใช้ ที่ไหนได้ มีให้ติดรูป 2 ที่ค่ะ
ดีที่พกรูปที่ใช้ตอนขอวีซ่ากันเหนียวไปด้วย
แต่ นางมีช่องไห้แปะแค่รูปขนาด 1 นิ้วค่ะ 555
โอ้ย รูปอิชั้นใหญ่ลื้มม ตัดจนเหลือแต่หน้า
ใครจะไป โปรดเตรียมรูปด้วยนะคะ
นอกจากใบสมัครแบบชื่อนามสกุลวันเกิดไรงี้
ก็มีใบคำถามว่า ใน5ปี เคยเป็นโรคร้ายแรง ขยับตัวไม่ได้ไม๊
ใน 5 ปี หมอเคยสั่งห้ามขับรถไม๊ อะไรทำนองนี้ค่ะ ก้อตอบไม่ๆๆๆๆไป

กรอกเรียบร้อยก้อไปซื้อสแตมป์เป็นการจ่ายตัง 2400 เยน
(หรือ 2200 เยนไม่แน่ใจ สามีไปจัดการให้ ลืมถามนาง)

พอ9.00 น.ปุ้บ ช่องหมายเลข 14 ก็เปิดค่ะ
ป้ายเขียนไว้เลยว่าเป็นช่องสำหรับ Foreign License Into Japanese License
เมื่อถึงคิวก้อส่งใบสมัคร และ เอกสารทั้งหมดที่เราเตรียมมาให้เจ้าหน้าที่ค่ะ
นางก็ดูๆ เช็คๆ เเละให้เราไปนั่งรอค่ะ แจ้งว่า 10โมง จะมาเรียก
เราได้เป็นคิวหมายเลข 2 ค่ะ
(เอกสารที่ใช้ คลิก )

พอถึง 10 โมง เจ้าหน้าที่ก็เริ่มเรียก คุณลุงหมายเลข1 
แปปเดียวก็เรียกเราค่ะ
เรียกไปสัมภาษจ้าาาา ทำใบขับขี่ครั้งแรกเมื่อไหร่
เรียนในสถาบันไม๊ กี่ชั่วโมง สอบใบขับขี่ที่ไหน สอบขับรึเปล่า
ในถนนจริง หรือถนนในศูนย์สอบ สอบยังไงบ้าง บลาๆๆ
ถามเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ให้เราไปนั่งรอค่ะ

สักพักก็เรียกเราเข้าห้องสอบค่ะ วันนี้มีต่างชาติมาสอบเเค่ 6 คนวันนี้
เมืองนี้อาจจะชาวต่างชาติน้อยก้อเป็นได้
เราเลือกคำถามเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แต่เป็นถาษาอังกฤษที่งงลื้มม
แปลอะไรกันม๊าาา

ข้อสอบในเล่มมี 20 ข้อ แล้วแต่ว่าใครจะโดนทำข้อเลขคู่ หรือข้อเลขคี่
ใน 10 ข้อ ผ่านที่ 7 ข้อค่ะ ข้อสอบง่ายๆเป็นเศนส์ในการขับรถมากกว่านะเราว่า
ไม่ยากๆ แต่จาก 6 คน ผ่าน 4 ค่ะ 
ระหว่างรอคนอื่นสอบเสร็จก็เจอคุณป้าคนไทย แกมาเชียร์เพื่อนแกสอบ
แกก้อมาเล่าประสบการณ์ตอนแกมาสอบขับที่สนามนี้
ก่อนขึ้นรถต้องเชคยางรอบคัน ปรับเบาะ คาดเบลท์ สตาร์ทรถ
ปรับกระจก ขึ้นสะพานต้องบีบแตรรงที่มีป้ายนะ งู้นงี้ เราก็จำๆๆค่ะ
ป้าแกบอก ทุกอย่างต้องโอเว่อร์ แล้วจะผ่าน 5555

เมื่อผ่านข้อสอบแล้ว ก้อไปตรวจสายตา บอก สีเขียวเหลืองแดง สบายๆค่ะ
ก่อนเที่ยง เจ้าหน้าที่ก็พาไปดู สถานที่สอบข้อรถค่ะ ว่าเราต้องขับทางไหนไปไหน ยังไงๆ


ก้อดุ้กดิ้กประมาณนี้ ถามว่าตื่นเต้นไม๊
ก็มากอยู่ แต่พยายามเก็บอาการ เด๋วสามียิ่งรนไปด้วย

หลังทานข้าวเที่ยง ก็รีบลงไปเดินดูสนามจริงค่ะ
จนถึงเวลาบ่ายโมง เจ้าหน้าที่ก็มาแจ้งลำดับการขับรถค่ะ

ขานชื่อ อิชั้น อ่ะ คนแรกนะ 
เด๋ววววววว ละลุงเบอร์ 1 หายไปไหนนนน
แกเป็นแมนน่วลค่ะ โอ้ว ม่ายยยยย
สอบออโต้ก่อน อิชั้นเลยคนแรก ค่ะ สวัสดี
ยังไม่ทันจะได้ตื่นเต้นเลย นางเรียกขึ้นรถ อ่ะเริ่ม
เด๋ววววววววววววววววววววว ทำใจไม่ทันเด้อ

ละเรียกเบอร์ 2 ไปนั่งเบาะหลังค่ะ
ก่อนขึ้นรถ ในใจก็ท่องว่า โอเว่อ์ๆเข้าไว้
อิแม่ อุ้มท้องเดินรอบคันเลยจ่ะ
ถามว่าดูอะไร ไม่รู้เหมือนกัน ก็ก้มๆไป เหมือนเชคยางว่ะงี้
ปล. ล่ามรอข้างสนามนะจ๊าาา 

รถเหมือนแท็กซี่เก่าๆ แต่เครื่องใหญ่อ่ะ
ทั้งชีวิตขับแต่อีโค่คาร์ เครื่อง 1200 ซีซี 5555
พอปรับกระจก ปรับเบาะ ด้วยความโอเว่อร์เรียบร้อยแล้ว 
ก็พร้อมออกเดินทางค่ะ
เจ้าหน้าที่นั่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าข้างเรามาด้วย
โอ้โหว ลุงเงียบลื้มม กดดัน

จะออกถนนใหญ่ หรือจะเลี้ยว ต้องมองกระจกข้าง กระจกหลัง 
จนถึงหันคอออกไปมองด้านนอกจิงๆ
ทุกสิ่งอีนี่เล่นใหญ่มากกกกก กลัวลุงไม่รู้สึกว่าเราหันไปมอง 

ลุงก็บอกทางว่าเราต้องไปซ้าย ขวา ตรงเลขเบอร์ไหน
ซึ่งบอกเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่ะโชคดีที่มีความรู้เรื่องเลขบ้าง 
ไม่งั้นงงตาย 

เลี้ยวฟ๊าบบ สะพาน ขึ้นสะพานต้องบีบแตร
ปี๊นนนนน ดังเว่อร์ เล่นใหญ่ยันเสียงแตรค่ะ

ซึ่งป้ายนี้ ถ้าป้าคนไทยที่เจอไม่บอกให้บีบเเตร 
อิชั้นคิดว่าให้เปิดไฟหน้า 55555

โค้งตัว L โค้งตัว S 
ถนนเล็กมากจริงๆ และรถไม่ชินมือ 
เราขับเหมือนคลานอ่ะ เพราะถ้าตกถนนจะต้องถอยขึ้นมาละไปใหม่
ไม่ตกจะดีกว่า 5555 ถ้าตกสติน่าจะแตก

ตรงไหนให้หยุด ต้องหยุด ต้องมอง ต้องเล่นใหญ่
5 นาทีที่ขับ เหมือน 5 ชั่วโมงค่ะ
ลุงที่นั่งข้างๆ ก้อเขียนไรไม่รุ ยึกยือๆ 
แอบมองก้อไม่รู้เรื่องว่านี่ผ่าน หรือโดนหักคะแนน

วนจนครบแล้วก้อจอดเทียบที่เดิม
จนถึงดับเครื่องยนต์ค่ะ 
ลุงพูดว่า โอเค ละให้ไปรอตรงนู้น
นี่ผ่านไม๊อ่าลุงงง ลุงบอกหนูก๊อนนนน

สรุป ใครที่สอบขับเสร็จ และเจ้าหน้าที่ไม่คืนเอกสารให้ แปลว่าผ่านนะคะ
จาก 4 คนที่ผ่านข้อเขียนมาสอบขับรถช่วงบ่าย
ผ่านแค่ 2 คนค่ะ คืออิแม่ และหนุ่มโปแลนด์อีกคนนึง
ลุงอาจจะเห็นใจที่แม่พุงใหญ่มากแล้ว ปล่อยมันผ่านๆไป 555

เจอลุงอีกทีนอกสนาม ก็แซวเล่น ขำปกติๆ 
ละลุงจะขรึมทำไมในรถค้าา สติจะแตกเด้อออ
ใครที่ไปสอบละเจ้าหน้าที่ขรึมเว่อร์ หรือโวยวายเว่อร์
นั่นคือเค้ากดดันเรานะคะ
ให้ปล่อยชิวว มีสติ และเล่นใหญ่ ท่องไปแค่นี้ค่ะ

หลังจากนั้นก็รอถ่ายรูป และรับใบขับขี่กลับบ้านได้เลยค่ะะ
จากแปดโมงที่มาถึง เสร็จสิ้นที่ บ่ายสามโมงครึ่ง
อิพ่อหมดแรงลุ้น อิแม่หมดแรงสอบ
แต่ลูกยังดิ้นสนุกสนาน พลังล้นอยู่ในพุงค่ะ

ใครไปสอบขอให้โชคดีนะคะ 
ขอให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกกันทุกคนเลยน้าา

Tuesday, December 19, 2017

ตอนที่1 ปสก.เปลี่ยนใบขับขี่ไทย เป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น

บัตรประชาชน หรือ ID CARD ที่คนไทยใช้ในการยืนยันตัวตน
ใช้ได้ตั้งแต่สำนักนายก อำเภอ ตำบล อนามัย ยันใช้ขึ้นเครื่องบินภายในประเทศ

ที่ญี่ปุ่นไม่มีเด้อจ้าาาา 
ละนางใช้อะไร? ถามสามี นางตอบมา 2 อย่าง
1.บัตรประกัน ที่ทางรัฐบาลออกให้ มีทุกคน แต่มีแต่ชื่อ
ไม่มีรูป ละรู้ได้ไงว่าใครเป็นใคร สามีนางบอกก็ไม่รู้เหมือนกัน 555
หรือชนชาตินี้ เค้าไม่มีสวมรอยกันน้าา 

นิสัยพนักงานกราวน์เข้าสิง อิชั้นค่ะ
มันไม่ได้นะยูววว ไปขึ้นเครื่อง ละซื้อตั๋วโปร แบบเปลี่ยนชื่อไม่ได้ 
ละคนจองไปไม่ได้ ละส่งต่อบัตรให้คนอื่นก้อขึ้นเครื่องได้งี้อ่อ
หรือเดินๆไป เจอคนทำบัตรโดยสารตก ละเก็บไปขึ้นเครื่องได้งี้อ่อ
มันไม่ปลอดภัยยยย สามีก้อทำหน้างง คนเค้าอาจจะซื่อสัตย์กันจิงๆ 555 
เมื่อสองเดือนก่อนไปขึ้นเครื่องภายในประเทศ 
อิชั้นงงหนักกว่า นี่ปริ้นบัตรโดยสารมาจากบ้าน 
ไม่มีใครตรวจชื่ออิชั้นสักคน ไม่ว่าจะตรงเอ็กซเรย์ หรือตรงฉีกบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่อง
รู้ได้ไงว่าชั้นคือคนที่จองตั๋วมา โอ้ววววว ช๊อคค

เข้าเรื่องค่ะ ออกทะเลไปไกล
2.ใบขับขี่ค่ะ บัตรนี้มีรูปและชื่อค่ะ 
อิชั้นก็สงสัยอีกนั่นหล่ะ เกิดมาละมีเลยหรอ ใบขับขี่น่ะ
ถ้าคนไม่ขับรถอ่ะ ถ้าเด็กอายุยังไม่ถึงอ่ะ
สามีก็ตอบว่า บัตรประกันง่ะ

เออจ่ะ คำถามที่ไม่จบไม่สิ้น 55555

อ่ะต่อ ที่นี้อิชั้นมาอยู่นี่ แบบใช้ใบขับขี่สากลในการขับขี่ 
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่อย่างจริงจัง และใช้ Residence Card ในการยืนยันตัวตน
ซึ่งใบขับขี่สากล ใช้ได้ภายใน 1 ปีเท่านั้น จะต่ออีกที
คือต้องกลับไปอยู่ไทยให้เกินสามเดือน

สามีเลยว่า งี้เราไปทำใบขับขี่ญี่ปุ่นม๊ะ
จะได้รู้สึกว่าเมียนี่คือ คนญี่ปุ่นฉบับเกือบสมบูรณ์ละ
และไปก่อนพุงจะใหญ่กว่านี้ 
ไหย่กว่านี้ก้อน่าจะเดินไม่ไหวละค่ะ อิพ่ออ อิหอยยย

คนไทยที่มีใบขับขี่อยู่แล้วจากไทย
สามารถนำเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่นได้ค่ะ
ซึ่งยังต้องมีการสอบข้อเขียน และสอบขับรถอยู่นะคะ
มีแค่บางประเทศที่เปลี่ยนได้เลยไม่ต้องมีการสอบใดๆ

ก่อนหน้าที่เราจะไปสอบ เราก็มาเตรียมเอกสารกันก่อนค่ะ
1. ใบขับขี่จากประเทศไทย 
- ยังไม่หมดอายุ
- นับจากวันที่ออกบัตร จนถึงวันที่เข้าประเทศญี่ปุ่น มีระยะเวลาเกิน 3 เดือน
- หากต่อใบขับขี่มา ใบใหม่กริ้กก่อนมาอยู่ญี่ปุ่น ต้องไปขอเอกสาร
ยืนยันประวัติการออกใบขับขี่ครั้งแรก และการต่อใบขับขี่ เป็นภาษาอังกฤษ
ที่กระทรวงคมนาคมก่อนนะคะ

2.เอกสารแปลใบขับขี่
- แปลได้จากสำนักงาน JAF ค่ะ 
เอกสารที่ต้องเตรียม คลิก
ไปตามสาขาใกล้บ้านท่าน คลิก

3.หนังสือเดินทาง เล่มใหม่ เล่นเก่า เอาไปทุกๆเล่มที่มี 5555
เนื่องจากเปลี่ยนนามสกุลตามสามีหลังแต่งงาน 
และใบขับขี่ยังเป็นนามสกุลเดิม จึงเอาหนังสือเดินทางเล่มเก่าไปยืนยันค่ะ

4. Residence Card

5. ทะเบียนบ้านญี่ปุ่น หรือ Juuminhyo จูมินเฮียว
ให้ใส่ข้อมูลของสัญชาติลงไปด้วยนะคะ

เตรียมเสร็จก้ออุ่นใจนอนกอดเอกสารไปก่อน
อีกสองวันสามีถึงจะหยุดและพาไปสอบค่ะ

ข้อสอบกฏจราจรไม่ค่อยเครียด มี 10 ข้อ ต้องผ่านที่ 7 คะแนน
จากตัวอย่างข้อสอบ คลิก ไม่น่าจะตก มั๊ง 555555
แค่ตอบถูกผิดเองอ่า น่าจะพอไหว

แต่ แต่ แต่ เขาว่ากันว่า ทดสอบขับรถนี่คือสุดหิน
มีคนไปหลายยยยยยยทีแล้วยังไม่ผ่านก็มี
คือคนคุมสอบจะมานั่งกับเราในรถ ไม่เหมือนที่ไทย ที่เค้านั่งอยู่ไกลๆละให้เราขับไป
จะท่าไหน โยกมือ แหกปาก ฉีกขา หมุนตัวปานใด ถ้าผ่านทุกฐานก้อคือผ่านช่ะม๊ะ
ที่นี่ไม่ไช่จ้าาาา
ใครที่เคยดูชินจังจอมแก่น ตอนที่มิซาเอะไปสอบใบขับขี่ก็จะรู้ค่ะ
เราก็จินตนาการภาพไว้ประมาณนั้น 5555
แบบจะออกตัวต้องมองกระจกข้าง กระจกหลัง หันไปมองซ้ายขวา 
แบบต้องหันจิงๆ ไห้คนคุมสอบที่นั่งมาในรถกับเราเห็น
อะไรประมาณนี้ 5555
จะหาลิงค์มาแปะให้ดูกัน แต่หาไม่เจอ ขออภัยค่ะ 555

ทางสถานที่สอบใบขับขี่ แจ้งให้มีล่ามไปด้วย
สำหรับคนที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้ 
หวังแค่ว่า สามีจะไม่ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่คุมสอบรถคันที่อิชั้นขับนะคะ
หัวร้อนเหลือเกินนนนน พ่อคุณพ่อทูลหัว 

ละจะมาอัพเดตอีกทีนะคะ ว่ารอดหรือร่วง 55555
เป็นกำลังใจให้อิแม่ด้วยน้าา กราบบบบ

**เพิ่มเติมค่ะ
พกรูปหน้าตรงไปด้วยนะคะ ใช้ 2 ใบ
ขนาด 2.4X3 ซม. หรือ รูปถ่าย 1 นิ้วบ้านเราน่ะแหล่ะ
พกกาวสำหรับติดรูป ไปด้วยก็ดีค่ะ 







Saturday, December 2, 2017

ไปค่ะ ไปอบรมป๊าป่ะ ม้าม่ะมือใหม่กัน

แปปๆ ผ่านไป 29สัปดาห์ กับอีก 3 วันแล้วค่ะ
อีกไม่กี่วีค จิ๋วๆจะออกมาป่วนโลกล๊าววว
ถามว่าแม่พร้อมไม๊ ก็ไม่
ถามว่าพ่อพร้อมไม๊ ก็ไม่ 5555
สรุปไม่มีใครพร้อม นอนเล่นในพุงไปก่อนนะลูกก

ปกติแล้วภาษาญี่ปุ่น คุณพ่อ คือ โอโตซัง
คุณแม่ คือ โอกาซังค่ะ
แต่ในปัจจุบันมีการแทรกซึมของภาษาจีนเข้ามา 
เด็กๆสมัยนี้เลยเรียกพ่อแม่ว่า ป๊าป่ะ ม๊าม่ะ
(เสียงลงท้ายเป็นเสียงต่ำ)
ซึ่งต่างจากไทย ที่คำท้ายเสียงสูง ป่าป๊า หม่าม๊า 

เนื่องจากหน้าตาเราไม่หมวยพอที่จะเหมาะให้ลูกเรียก ม๊าม่ะ
อิพ่อเลยตัดสินใจให้ลูกเรียก แด๊ดดี้ มัมมี่ค่ะ
(ปล. หน้าตาอิชั้นเหมาะกับมัมมี่หรอ? ก็ไม่) 5555

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ลงทะเบียนตั้งครรภ์กับทางสำนักงานเขตไป
เราก็ได้ข้อมูลในการเรียนคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มาค่ะ
พอผ่านไปสามวัน เราสองคนก็ลืมไปแล้ว
ด้วยความที่เอกสารเยอะ เเละเป็นภาษาญี่ปุ่น
ทุกอย่างเลยอยู่ในถุง โดยไม่มีใครสนใจ 5555
จนเพื่อนที่ใกล้คลอด ไปเรียน ละมาเล่าให้ฟัง
เราจึงคิดได้ว่า อืมมมม เราควรจะใส่ใจกับมันนะ

ที่ไทยคอร์สอบรมส่วนใหญ่จะเป็นที่โรงพยาบาลที่เราฝากครรภ๋เป็นคนจัดอบรม
ที่ญี่ปุ่น คอร์สนี้อยูในการดูแลของรัฐบาลค่ะ ดำเนินการโดยสำนักงานเขต
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ฝากครรภ์ที่ไหนก็ได้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ก็มาอบรมได้ค่ะ

สามีโทรถามสำนักงานเขตเมื่อวาน ละมีคอร์สวันนี้
โชคดีที่ไม่เต็ม เราจึงสามารถเข้าอบรมได้ในวันนี้ค่ะ
ในแต่ละรอบ สามารถเข้าร่วมอบรมได้ 24 คู่ 
อายุครรภ์ตั้งแต่ 20 สัปดาห์เป็นต้นไปค่ะ

ตั้งแต่ 9.30-12.00น. สอนสิ่งที่สมควรรู้ขั้นเบสิคสุดๆให้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ
ฐานที่1 อาบน้ำ โดยแบ่งเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 4-5 คู่ 
เรียนรู้อุณหภูมิน้ำเท่าไหร่ที่เหมาะสม (ที่นี่อาบน้ำจิ๋วที่ 40 องศาค่ะ)
เริ่มยังไง เอาผ้าห่อก่อน จับยังไง เช็ดตา ล้างหัว ล้างก้น ถูหลัง
อาบเสร็จแล้วเช็ดตัวยังไง เช็ดสะดือ เช็ดหู เช็ดจมูก
สาธิตโดยผู้นำอบรม แล้วก็ปล่อยให้เราทำเอง โดยมีคนกำกับค่ะ
แต่ละกลุ่มมีแบ่งเป็นหุ่นเด็กผู้ชาย กับเด็กผู้หญิงตามเพศของจิ๋วๆในแต่ละบ้านค่ะ
ฐานนี้ อิพ่อได้ลองอาบ หัวลูกโขกขอบไปสองที เออ เริ่ดด 
มีแวว แววจะไม่รอด 55555555

ตอนพ่ออุ้มหุ่นอาบน้ำ จิ๋วในพุงนี่ดิ้นไม่หยุดเลยจ่ะ
สงสัยอยากอาบน้ำบ้าง อยู่ในพุงมันร้อนเนอะลูกเนอะ

ทุกคู่ผ่านไปได้ด้วยความทุลักทุเล จนครบทั้งโต๊ะ
เราก็เปลี่ยนไปฐานต่อไปค่ะ
ฐานที่2นี้ ให้คุณพ่อได้ฝึกท้องค่ะ ให้คุณพ่อได้ออกไปใส่ชุดที่มีถ่วงที่ท้องกับนม
มีชุดหนัก 6 กก. กับ 9 กก. จะได้รู้ซึ้ง เวลาที่คุณแม่อุ้มท้องรู้สึกยังไง
โอ๊ยยย ขำจนน้ำตาไหล ดูพ่อๆแต่ละบ้านละตลก


ดูสามีจะชอบใจ เลือกแบบ 9 กก.มาลองท้อง 5555


มีให้ลองนั่งตัดเล็บเท้า ให้ลองนอนหันซ้ายขวา ลองทำงานบ้านค่ะ
รู้แล้วใช่ไม๊หล่ะะะะ ชั้นหนักพุง 55555
จุดประสงค์เพื่อให้คุณพ่อ ทราบถึงความลำบากของคุณแม่ค่ะ
ว่าที่เราทำไรก็ต้วมเตี้ยม เหนื่อยง่าย ดูลำบากไปหมด
เพราะเรามีตัวเล็กอยู่ในพุง ต้องอุ้มนน.อย่างน้อย 6 กก.จนกว่าจะคลอด
มันลำบากนะ งี้ ให้คุณพ่อได้รู้ความรู้สึกนั้น และช่วยแบ่งเบางานบ้านจากเราค่ะ


ฐานสุดท้ายค่ะ ฐานที่ 3
ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองอุ้มในท่าทางต่างๆค่ะ
ซึ่งน้องตุ๊กตา มีน้ำหนักเท่าเด็กจริง และผิวหนังยืดหยุ่นดึ๋งๆ


รวมถึงเปลี่ยนแพมเพิส เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยค่ะ
ใส่เสื้อทีลูกแขนจะหักไม๊นั่น ดูหน้าอิพ่อ


ครบ 3 ฐาน เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงละค่ะ
จบการอบรมกันอย่างสนุกสนานทุกบ้าน

เป็นการอบรมที่ได้ความรู้ และความสนุกไปในตัว
ทุกๆคนได้จับหุ่นที่คล้ายเด็กจริง เพื่อเตรียมตัวต้อนรับสมาชิกใหม่กันอย่างทั่วถึง
วันที่จิ๋วคลอดมาจริงๆ เราจะได้พอจินตนาการได้
ทำให้คุณพ่อ พอทำอะไรเป็นบ้าง 
ช่วยอาบน้ำ ช่วยเปลี่ยนแพมเพิสแทนคุณแม่บ้าง
โดยที่อิแม่ไม่ต้องกังวลมาก ว่านางจะทำเป็นไม๊ 55555
แต่เท่าที่เห็นคุณพ่อทุกบ้านที่งกๆเงิ่นๆในการอุ้มเด็ก 
ต่างซักซ้อมจิงจังมากกว่าแม่ๆอีกค่ะ 

จบการอบรมฟรีๆครั้งนี้ เรายังมีของติดมือกลับบ้านอีกค่ะ
มีแพมเพิส กับครีมอาบน้ำ ไซส์ทดลองใช้ เป็นที่ระลึกค่ะ

ต้องขอบคุณทางรัฐบาลญี่ปุ่น สำนักงาน Hitachi City Office
ที่มีการจัดอบรมให้พ่อๆแม่ๆผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ได้ทดลองปฏิบัติเหมือนจริง กับหุ่นน้องที่สำลักน้ำไม่เป็นนะคะ

รอลูกคลอดละจะมาอัพเดตอีกทีค่ะ
ว่าที่เรียนมา นางลืมไปรึยัง 5555555

ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้นะคะ
แม่ๆทั้งหลาย สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ 


Saturday, October 14, 2017

ลูก(ในพุง)อยากไปดิสนี่ย์ซีย์

ข้ออ้างชัดๆ ใช่ค่ะ ข้ออ้าง 5555
เรากับสามี ได้บัตรดิสนี่ย์ฟรีมาจาก โรงแรมที่เราจัดงานแต่งงาน
เลือกได้ ระหว่าง ดิสนี่แลนด์ หรือ ดิสนี่ซีย์
รอบนี้เราเลือก ดิสนี่ซีย์ค่ะ ไปครั้งสุดท้าย ตอนแฟนขอแต่งงาน 
ซึ่งก้ออออออ สิงหา ปีที่แล้ว ปู้นนนนนน

อีกอย่างคือก้อรีบไปก่อน เจ้าจิ๋วจะออกมาป่วน
พ่อแม่ซอรี่นะจิ๋ว ที่แอบมาเที่ยวก่อน 5555

รอบนี้เราแบกจิ๋วอายุครรภ์ 22 สัปดาห์ + 1 วัน มาเที่ยวค่ะ

เป็นคนท้องที่ญี่ปุ่นเอาจิงๆ ดีไปแปดอย่าง
ความใส่ใจดูแลเค้าระดับไฮคลาส

ดิสนี่แลนด์ และดิสนี่ซีย์ มีบริการพิเศษสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ด้วยค่ะ
เราจะได้รับ Guest Assistance Card เพื่ออำนวยความสะดวก 
ให้กับเหล่าคุณแม่ พุงแตงโมทั้งหลายค่ะ



ซึ่งบริการนี้จะเป็นบริการเดียวกับผู้พิการ และผู้สูงอายุค่ะ
ชาวต่างชาติที่มาเที่ยว สามารถรับสิทธิ์นี้ได้เช่นเดียวกันนะคะ
เอาพุงแตงโมมายืนยันอย่างเดียวพอค่ะ

บริการ Guest Assistance Card นั้น ต้องมีการสำรองก่อนล่วงหน้านะคะ
สามารถทำการสำรองได้ตั้งแต่ 1 เดือนล่วงหน้า จนถึงวันก่อนหน้าที่จะไปค่ะ
แจ้งชื่อ แจ้งวัน เพียงเท่านั้นค่ะ ทางเจ้าหน้าที่จะจัดทำบัตรที่มีชื่อเราพิมพ์อยู่ในนั้น

รายละเอียด และเบอร์โทร ตาม Link นี้เลยค่ะ

เมื่อไปถึงดิสนี่ซีย์แล้ว ใครเอารถมา แจ้งเจ้าหน้าที่ตรงช่องจ่ายตังค์ได้เลย
ว่าเราเป็น Special Assistance มีจิ๋วอยู่ในพุงนะ เค้าจะมีบริการที่จอดรถแบบไกล้ๆให้ด้วยค่ะ

หลังจากตรวจกระเป๋า ติ๊ดบัตรเข้าไปเรียบร้อยแล้ว
เรามุ่งตรงไปรับ Guest Assistance Card ของเราก่อน
อยู่ตรงทางเข้าหลักเลยค่ะ เพียงแจ้งชื่อ และแจ้งจำนวนคนที่มากับเราด้วย
เค้าจะเขียนลงในบัตรของเราว่าเรามากันกี่คน

วิธีใช้คืออยากเล่นอะไร ก้อเดินไปหาเจ้าหน้าที่ ตรงจุดต่อแถว
ยื่นบัตรให้เค้า ละเค้าจะคำนวนเวลา 
สมมุติว่าแถวStandbyตอนนี้อยู่ที่ 60 นาที
อีก 60 นาที เป็นเวลากี่โมง เค้าจะเขียนใส่การ์ดเรามาค่ะ
พร้อมกับอธิบายว่าเครื่องเล่นนี้ ต้องมีบาร์กันตกนะ อาจจะเเตะที่พุง
มีเสียงดัง และมืด เราโอเคใช่ไม๊ ถ้าเราตอบเราโอเคก้อจบจ่ะ
ระหว่างนี้ เราจะไปเดินเล่น ถ่ายรูป กินข้าวอะไรก็ตามใจ
ไม่ต้องยืนต่อคิวนานๆ หรือตากแดดร้อนๆ 
เมื่อถึงเวลา ก้อเข้าช่อง Fastpass ไปเล่นได้เลย

แต่ระหว่างเวลาที่รอ เราไม่สามารถไปยื่นการ์ดไห้เครื่องเล่นชนิดอื่นเขียนเวลาได้นะคะ
ถ้าอยากเล่นต้องยืนต่อแถวเอง โชคดีวันที่เราไปแถวไม่ยาวเลย
บางเครื่องเล่น เราต่อแถวเองพอไหว ก้อต่อเองค่ะ

ถือว่าเป็นความใส่ใจเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ ที่คุณแม่พุงแตงโมทั้งหลายต้องการนะคะ
คือบางทีปวดหลัง ปวดเท้าไรงี้เน๊อะ 

มีคำถามว่า อิแม่มาเที่ยวเนี่ย เล่นอะไรบ้าง
เพราะเครื่องเล่นของดิสนี่ซีย์ดูฮาร์ดคอร์เหลือเกิน

แท้ที่จริงแล้ว มีเพียง 6 เครื่องเล่น จาก 28 อย่าง
ที่เราเล่นไม่ได้นะคะ

Tower of Terror ของแท้แน่นอน เครื่องเล่นแบบลิฟต์ตก ซึ่งอิพ่อมันเล่นไม่ได้อยู่แล้ว 555
Nemo and Friends Searider สั่นและเหวี่ยงและโดดดึ๋งๆ แบบอยู่ในเรือดำน้ำ อ้วกค่ะ 
Indiana Jones // Raging Spirits // Flouder's flying fish coaster // Jouney to the center of the Earth
สี่อย่างนี้เป็นแบบรถไฟเหาะ ใช้ความเร็วและมีเเรงเหวี่ยง กระแทก ไปเหมาะกับคุณแม่ค่ะ

ตาม Link จากเวปไซต์ Official ค่ะ

คุณแม่ตั้งครรภ์ ถ้าอยากมาเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อพักผ่อน
อยากมาช้อปปิ้งสินค้าดิสนีย์ อยากมาเอ็นจอยสวนสนุก
ในความคิดเรามาได้นะคะ คุณแม่ทุกคนรู้แหล่ะว่าต้องดูแลตัวเอง
เดินเยอะก้อพักสักหน่อย ร้อนไปก้อหลบร่ม
มาสนุกกับชีวิตกันได้เหมือนเดิมค่ะ

ส่วนคุณแม่ที่ห่วงจิ๋วๆในท้อง อะไรที่มีมูฟเม้นไม่โอเค
เลือกสนุกไปกับโชว์ต่างๆ ก้อมีให้เลือกนะคะ
ทั้งพาเหรด ทั้งคอนเสิร์ตเมอร์เมด ดัฟฟี่โชว์ เมจิคแลมป์เทียร์เตอร์ ฯ
รับรองว่ามีความสุขไม่แพ้กันค่ะ 

แล้วไว้จิ๋วออกมา ค่อยมาเล่นของเล่นด้วยกันใหม่ก็ยังได้
หวังว่าจิ๋วๆในท้องแม่ จะไม่กัวความสูงเหมือนพ่อนะจ๊ะ
55555555555555555







Monday, August 7, 2017

ขนมญี่ปุ่นหมดอายุเมื่อไหร่น๊าาาา

มาเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ขนขนมกลับไปสามกระเป๋า
กลัวน้องแย่ง เลยเอาไปซ่อนไว้
เพิ่งค้นเจอวันนี้ ยังกินได้ป่าวหว่าาาา??

อุ้ย ยังไม่หมดอายุนี่นา แกะกินแม่มมมม
เด๋วววว ใจเย็นก่อนเด้อออ
ปกติแล้ว ขนมญี่ปุ่นจากทุกสถาบันจะมีวันหมดอายุกำกับไว้
แต่!!! Format วันที่ของญี่ปุ่นนั้นจะเป็น ปี-เดือน-วัน
มาเลขสองหลัก XX-XX-XX โปรดจงระวัง


เหมือนรูปภาพประกอบจ่ะ 
ไม่ได้หมายถึง หมดอายุวันที่ 17 เดือนกันยายน ปี2021 แต่อย่างใด

...มันคือ ปี 2017 เดือนกันยายน วันที่ 21 นะเค๊อะ..

ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เด๋อมาก่อน 5555555


Tuesday, August 1, 2017

เตรียมตัวเป็นคุณแม่ ฉบับญี่ปุ่น


หลายๆคนน่าจะทราบแล้วเน๊อะ
ว่าตอนนี้เราเป็นคุณแม่แล้วววว
วู๊วฮู๊วว หน้าไม่งอ รอไม่นานจ่ะ
ณ วันนี้ อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ กับอีก 6 วันค่ะ
อาการแพ้ท้อง เริ่มค่อยๆหายไปตามพุงที่โตขึ้น

วันนี้เราจะแชร์ประสบการณ์ การเตรียมความพร้อม
ของคุณแม่ตั้งครรภ์ของชาวญี่ปุ่นกันค่ะ

เราจดทะเบียนตามกฏหมายญี่ปุ่น 
และได้รับวีซ่าพำนักระยะยาวเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งจะทำให้เราได้รับ "บัตรผู้พำนัก", "บัตรIDประชากรในเมืองฮิตาชิ"
"สิทธิรับเงินบำนาญหลังเกษียณอายุ 60ปี" และ "บัตรประกันสุขภาพ" 
จากทางรัฐบาลญี่ปุ่นค่ะซึ่งอิบัตรเนี๊ยยย ไม่ว่าจะไปหาหมอไหน 
หมอฟัน หมอตา หมอผิวหนัง รัฐออกค่าใช้จ่ายให้ถึง 70%
เริ่ดดดดดดดดดด

หลังจากที่เรามีการตรวจครรภ์เบื้องต้น
และฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลของที่นี่เรียบร้อยแล้ว
ทางรพ.จะให้แฟ้มเอกสาร ข้อมูลที่คุณแม่ควรรู้ต่างๆนาๆกับเรามา (ญี่ปุ่นล้วน)
รวมถึงโฆษณาคาร์ซีท เตียงเด็ก รถเข็น และตัวอย่างครีมทาลดรอยพุงแตก
นอกจากนั้น ยังมีเอกสารอีก 1 แผ่น ที่ยืนยันว่าเราท้อง และฝากครรภ์กับทาง รพ.
เพื่อให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อนำไปแจ้งกับที่ว่าการอำเภอ

อำเภอ? บอกอำเภอทำไมว่าเราท้อง? งงจ่ะ งง
วันนี้ฤกษ์สะดวกเลยเข้าไปอำเภอซะหน่อย

ได้เอกสารมาอีกบานเลยจ่ะ
แต่!!! มีภาษาไทยเหวยยยยย

หนังสือคู่มือสุขภาพอนามัยแม่และบุตร เวอร์ชั่น ไทย-ญี่ปุ่น
ที่จริงมีอีกประมาณเจ็ดภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส เกาหลี จีน อะไรประมาณนี้
เลือกไทยมา เพื่อความเข้าใจง่าย และไม่เข้าใจผิดของอิแม่ 555

ด้านในเป็นบันทึกส่วนตัวของผู้ตั้งครรภ์ โรคประจำตัว
ประวัติการผ่าตัด อาชีพ สิ่งแวดล้อมบริเวณที่อยู่อาศัย
บันทึกการตรวจครรภ์ตั้งแต่เริ่มแรกยันคลอด
ความปกติ ผิดปกติ ของเด็กก่อนคลอด - หลังคลอด
ตรวจฟัน วัคซีน บลาๆ จนลูกอายุ 6 ขวบ
ไม่ต้องไปบันทึกที่อื่น เล่มเดียวจบ ปึ้ง

ด้านหลังเล่มนางมี กฏของบุตร ตามกฏหมายญี่ปุ่น แปลไทยให้อ่านเล่นๆ
ประกาศเมื่อวันที่ 5 พค. 1951 ผ่านมาแล้ว 66 ปี 5555
คร่าวๆประมาณนี้ค่ะ

"เด็กก็เป็นบุคคลเหมือนกัน 
พิจารณาเด็กเหมือนกับสมาชิกของสังคมคนหนึ่ง
ควรเลี้ยงเด็กขึ้นมาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี"

"เด็กทุกคนต้องได้รับการรับรองอย่างแน่นอนว่ามีความบริบูรณ์
ทั้งสุขภาพและจิตใจและผู้ปกครองอยากให้เด็กเกิด"

"เด็กทุกคนจะต้องได้รับแนวทางเพื่อที่จะเติบโต 
ไปรู้จักความรักและธรรมชาติ นับถือวิทยาศาสตร์และศิลปะ 
และยอมรับคุณค่าของความซื่อสัตย์สุจริต"

"เด็กทุกคนจะได้รับการรับประกันแน่นอนว่าจะต้องได้รับการศึกษา
จากสภาบันที่มาของการศึกษาพร้อมทุกอย่าง"

"เด็กทุกคนรับประกันแน่นอนว่าจะต้องได้รับความบันเทิง"

อ่านละก็ใจชื้น ลูกเกิดมาบันเทิง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีแน่นอน 555555


บัตรฟ้าใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ 
ระยะเวลาครอบคลุมจนถึงวันที่คลอดค่ะ
ในเล่มขาวจะเป็นบัตรส่วนลด ที่เอาไว้ใช้กับรพ.ตอนที่เราไปเชคอัพค่ะ



พวงกุญแจ และสติ้กเกอร์คุณแม่ตั้งครรภ์ ไว้ห้อยกระเป๋า
ติดหลังรถ ผูกคอ ติดหน้าบ้าน อะไรก็ได้
ไว้ให้ผู้พบเจอเรามีความเมตตาปราณี อย่าเดินชนเก๊าาาา งี้


บ้านเราอยู่จังหวัด อิบารากิค่ะ เลยได้รับบัตร อิบารากิ คิดส์ คลับมา
เป็นส่วนลด หรือสิทธิพิเศษต่างๆตามร้านอาหาร และร้านค้าที่ร่วมกับโครงการนี้

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังแจ้งอีกว่า ก่อนคลอด 4 เดือน 
สามารถมารับ สติ้กเกอร์รูปคนท้อง เอาไว้แปะรถ 
และเราจะสามารถจอดรถในช่องพิเศษที่สำหรับคนท้อง,ผู้ใช้รถเข็น ที่ใกล้ๆทางเข้าอ่ะค่ะ
นึกออกใช่ม้ะ 555 สามารถใช้ได้จนถึง ลูกอายุ 6 เดือนค่ะ
ที่นี่จอดกันมั่วๆไม่ได้น้าา ท้องสองเดือนก็ยังไม่ได้สิทธิจอดนะจ๊ะ 

แถมด้วยเมนูอาหาร วิธีเลี้ยงลูก อาบน้ำ แปรงฟัน
และโฆษณาขายของอีกปึกนึงเหมือนเดิม 5555

ประสบการณ์ในวันนี้ ทำให้รู้ว่า ญี่ปุ่นนี่ เค้าใส่ใจกับทุกอย่างจริงๆเน๊อะ
คุณภาพชีวิตของคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องดี ครอบครัวจะยากดีมีจนต่างกันแค่ไหน
รัฐช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย และการวางแผนเต็มที่ มีระเบียบเป็นมาตรฐาน
มีแนวทางการปฎิบัติที่เป็นรูปธรรมในการเลี้ยงดูเด็กคนนึงขึ้นมา 
ดูแล และใส่ใจประชากรที่จะเกิดขึ้นมาตั้งแต่อยู่ในท้อง
ประชากรจะมีคุณภาพหรือไม่ มันต้องเริ่มกันตั้งแต่แรก
สังคมและประเทศจะได้รับประชากรแบบไหนไปร่วมพัฒนา 
รัฐ และครอบครัว ต้องร่วมวางแผนไปด้วยกัน




Wednesday, June 28, 2017

เจ้าสาวดังโงะ ตอนที่5 ตอนจบ

จบแล้วโว้ยยยย ตอนสุดท้ายของการรีวิวงานแต่ง
โอ้ย น้ำตาจิไหล ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนที่5นะคะ

....
ค่าใช้จ่ายในวันงาน มีการสรุปคร่าวๆไปก่อนแล้วรอบนึง
เรากับสามีจ่ายก้อนใหญ่ไปก่อนวันงานประมาณสามวัน
ส่วนที่เหลือ ใบเสร็จทั้งหมดทั้งมวล
ค่าโรงแรมเพื่อนและครอบครัว ค่าอาหาร ค่าอาฟเต้อปาร์ตี้
เอกสารจะจัดส่งมาให้ที่บ้าน และจ่ายให้ทางโรงแรมภายใน 7 วันค่ะ

ส่วนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เราฝากไว้กับทางโรงแรม
ทางโรงแรมเก็บคืนเราทุกสิ่ง
จดหมาย ผ้าเช็ดหน้า ตุ้มหู ของขวัญทุกสิ่งที่ไม่ว่าเราวางทิ้งไว้ที่ไหน
ทางพนักงานเก็บคืนเราทั้งหมดค่ะ 
ของบางอย่างที่เราแอบกังวลว่า เราไม่ได้เก็บมา แล้ววางไว้ลึกลับ
นางก็ไปค้น กวาดเก็บมาให้ 55555
สรุปว่า ของทุกอย่างทั้งของเรา และของที่มีคนให้ได้คืนครบทุกชิ้น

เชื่อม้ะ ที่งานไทย อะไรหาย พานแหวนจ้าาา เฮลโหลลล
ต้องโทรไปตามที่โรงแรมกว่าจะได้คืน 

ในส่วนของซองที่รีเซฟชั่นรับไว้ไห้นั้น ทางโรงแรมรวบรวม
แล้วส่งต่อไห้ทางครอบครัวสามีตั้งแต่คืนวันงานค่ะ

โดยตามธรรมเนียมของญี่ปุ่นน้น ซองที่ใส่เงินมาให้เรา 
จะไม่ใช่ซองใส่การ์ดเชิญแบบบ้านเรานะคะ
แขกจะเตรียมซองใหม่ที่มาการตกแต่งสวยงาม
หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ร้านเครื่องเขียน ไดโซะก้อยังมีเอ้าา
แบงค์สำหรับงานมงคลจะเป็นแบงค์ใหม่ สื่อถึงความเตรียมตัว 
ว่านี่ใส่ใจจะมาน้า เตรียมเงินใหม่กริ้กมาให้เลยน้าา
แต่ถ้าเป็นงานศพ จะให้แบงค์เก่าค่ะ ประมาณว่างานปุบปับ 
เราไม่ได้เตรียมใจ ให้เกิดงานแบบนี้เลยย 
ละเอียดป้ะล่ะ 55555

นอกจากนี้ที่นี่ยังมี ธรรมเนียมจำนวนเงินที่ใส่ซอง
ใครได้รับเชิญแล้วเปลี่ยนใจมาไม่ได้ ไม่ส่งของขวัญมาให้
ก็ใส่ซองมาให้ 10000เยน หรือประมาณ 3000 บาท
ส่วนคนที่มางาน จะใส่ซองเป็นเลขคี่ อารมณ์ว่าไม่ให้แบ่งครึ่งประมาณนี้
มาเดี่ยว 30000 เยน หรือประมาณ 9000 บาท
ใครมาคู่ก็ 50000 เยน 15000 บาท
มาครอบครัวใหญ่ บริษัทใหญ่ ใส่ แสนเยนก็มีค่ะ

งานแต่งงานที่ญี่ปุ่น จึงเชิญเฉพาะคนที่รู้จักค่ะ เพราะใส่ซองหนัก
เค้าไม่หวังจำนวนเงินกัน เช่น สามีเรารู้จักเฉพาะผู้ชาย ภรรยาเค้าสามีเราไม่รู้จักก้อไม่เชิญค่ะ
หน้างานไม่มีใครงอกเพิ่ม เพราะไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
และไม่มีใครไม่มาค่ะ เป็นมารยาทเค้าอ่ะเนอะ

รวมๆที่ได้ซองแล้ว งานแต่งที่นี่ ไม่เข้าเนื้อค่ะ ได้กำไรไม๊แล้วแต่งงานค่ะ
ว่าจะเลือกอาหารแพง ของชำร่วยแพงแค่ไหน
งานเราขาดทุนนิดหน่อย เพราะเราจ่ายให้แขกไทยทั้งหมดค่ะ
ใครรู้จักคนเยอะ เดือนไหนงานแต่งพีคๆ เราว่ามีจนอ้ะ 5555
ใส่ซองกันหนักมากกกกกกก

อ่ะมาดู หน้าตาซองงานแต่งกันค่ะ
ในแต่ละซอง จะมีเขียนชื่อคนให้ และจำนวนเงินไว้หน้าซองค่ะ
เพื่ออะไร เพื่อเวลาเราเช็คเงิน นอกจากทราบว่าใครให้แล้ว 
ยังเช็คได้อีกด้วย ว่าเงินในซองหายไปไหนรึป่าว ระหว่างส่งมอบใครดึงไปไหม๊



ที่เราทำการ์ตูนปิดไว้ เป็นในส่วนของชื่อคนให้ค่ะ
รูปบนเป็นแบบซองงานแต่งธรรมดาแบบสุดๆ
จะมัดโบสีทองกะสีเงิน และหางชี้ขึ้นแบบนี้ค่ะ
รูปล่าง เป็นรูปแบบต่างๆของซองตามสมัยนิยมที่แขกให้เรามา 
มัดเป็นนก เป็นหงษ์ อลังการ ซองสีทองสีแดง จนถึงสีดำ ก็ยังเป็นสีสุภาพค่ะ
แบบใหม่ๆก็มีติดดอกม้งดอกไม้ แฮปปี้เวดดิ้งกันไป

ซองไม่เยอะ แต่ใหญ่โบค่ะ 5555 ขนซองกลับบ้านมา 2 กระสอบ 

การ์ดอวยพรที่แขกเอามาไห้เรา ทางโรงแรมนำใส่อัลบั้มมาให้ค่ะ
มีชื่อที่อยู่ อีเมล เบอร์ติดต่อ อยู่ด้านหน้า และด้านหลังเป็นข้อความ



เนื่องจากแขกมีเวลาสร้างสรรค์ผลงานกันมาจากบ้าน
ก็จะได้เห็นข้อความยาวๆ ปริ้นรูปมาให้บ้าง เขียนไทยมาให้บ้าง
ก็น่ารักดีนะคะ 

นอกจากนี้ มีอะไรบ้างที่ทางโรงแรมเก็บมาให้เรา
มาดูกันค่ะ 


เทียนแต่งงานเล่มใหญ่ที่เราจุดค่ะ


แก้วสาเกกกก ตามมาหลอกหลอน 
ของบ่าวสาวอย่างแท้แน่นอน รอยลิปสติคยังอยู่ 555


ผ้าเช็ดปากกกก เก็บมาให้ด้วยย
อ้อ งานแต่งที่นี่ แขกเอาผ้าเช็ดปากตัวเองกลับบ้านได้เป็นของที่ระลึกได้เลยนะคะ
ดอกไม้สดบนโต๊ะ ก็ยกกลับบ้านไปได้เหมือนกัน 
ดีนะ ไม่ไห้ถกผ้าปูโต๊ะกลับบ้านได้ 55555


โบ โบอะไร จำไม่ได้ แกะมาให้ทำไม
นั่งย้อนดูรูป อ๋อออ โบผูกกับมีดตัดเค้กค่ะ 5555


ป้ายชื่อ เมนู แผนผังที่นั่งที่เหลือค่ะ


บอร์ดแปะรูปตอนอาฟเต้อ เราทิ้งไว้ที่นั่นเลยค่ะ
มีคนตามเก็บมาไห้ 555


ของขวัญจากแขกที่ส่งมาให้ ทั้งที่มาร่วม และไม่สามารถมาร่วมงานได้


ลูกโป่งที่แขกส่งมาให้ ทางโรงแรมแกะประดับที่งานโรงแรมไปแล้ว
หลังจากนั้นก็ห่อกลับเข้าที่ ส่งต่อให้เราค่ะ



จดหมาย การ์ดอวยพรที่ส่งมาตามที่อยู่โรงแรม
จ่าหน้าถึงเรากับสามีค่ะ
เก็บรวบรวมมาให้เช่นเดียวกัน

เอาจริงๆ จากการที่จัดงานทั้งที่ไทยและที่ญี่ปุ่นมา
สิ่งที่เราอยากได้มากที่สุด นอกจากงานที่สมบูรณ์
และแขกที่มามีความสุขแล้ว
ความพร้อมของทางโรงแรม คือสิ่งที่ทำให้เราหายเหนื่อยได้เกินครึ่งเลยค่ะ
ไม่ต้องสั่ง ไม่ต้องตาม ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ
ตามที่ได้ตกลงกันไว้

บางทีสถานที่สวยงามอย่างเดียว แต่พนักงานหรือระบบไม่ดี
เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีเซ็งกันได้นะคะ

แต่ที่สุดแล้วค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการแต่งงาน
ก็คือเจ้าบ่าวเจ้าสาวนะคะ
ยังเป็นกำลังใจให้ว่าที่เจ้าสาวทุกๆท่านเหมือนเดิมนะคะ
และเป็นกำลังใจให้มากยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าสาวที่กำลังหาเจ้าบ่าวดีดีค่ะ
ไม่ดีไม่ต้องไปแต่งกับมันค่าา อยู่คนเดียวสบายใจกว่าค่าาา
555555

ครั้งต่อไปเรื่องอื่นละน้าาา 
ทุกคนบอก สักทีไม๊หล่ะ 555
ฝากติดตามตอนอื่นเรื่อยๆน้า ตะเองง 
มีหลายเรื่องที่อยากแชร์อยากเล่า
ทำไมคนญี่ปุ่น ถึงทำกันได้วะ งี้

เจอกันเมื่อเราพร้อมเขียน
55555555

Wednesday, June 21, 2017

เจ้าสาวดังโงะ ตอนที่4

หลังจากที่เราเสร็จสิ้นพิธีการงานศาลเจ้าไปในตอนที่แล้วนั้น
เรามาเริ่มงานเลี้ยงดินเนอร์ไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

หยุดความคิดของงานแต่งไทย ที่บ่าวสาว ยืนพูดบนเวที
มีผู้ใหญ่มาคล้องมาลัย มีพิธีกรสองคนขนาบข้าง ถามเรื่องราวความเป็นมา บลาๆๆๆ


ตัดมันออกไปก๊อนน มันไม่ใกล้เล๊ยยยยยย

เรากับสามี ประชุมกับพนักงานที่ดูแลงานเราบ่อยมาก ไปโรงแรมมันทุกอาทิตย์
เราจ้างพิธีกร ที่มีความสามารถพูดได้สองภาษา ทั้งญี่ปุ่นและอังกฤษ
เพื่อให้เพื่อนคนไทย และเพื่อนสามีที่บินตรงมาจากซิดนีย์ได้เอนจอยกับงานเราอย่างเต็มที่
ไม่ใช่มานั่ง งง อยู่ มันพูดไรกันวะ งี้

ก่อนหน้าวันงาน 2 อาทิตย์ได้ ที่มีการคุยสรุปทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่จะเกิดขึ้น
โดยมีเรา สามี และ พิธีกรช่วยกันตัดสินใจ ขั้นตอนต่างๆในพิธี
ถามว่าเราจำได้ไม๊ อะไรก่อนหลัง หึ งง มันเยอะมากจริง
ถึงขั้นบอกสามีว่า วันงานขอจดกำหนดการไว้บนโต๊ะได้ไม๊
ว่าเราต้องทำอะไรต่อไป 5555

4โมงเย็น ตรงเป๊ะ เรา และสามี และทีมช่าง 4 คน พร้อมรบละค่ะ
ทีมงาน โผล่ไปดูหน้าห้องแต่งตัว เอาจริงๆแล้ว ห้องที่เราแอบเปลี่ยนชุดอยู่
คือห้องแต่งตัวสำหรับงานแต่งโดยเฉพาะ คืออยู่มันหน้าห้องบอลรูมอ้ะแหล่ะ
คือเค้าคงคิดมาแล้วว่า 30 นาที ให้วิ่งขึ้นชั้น 8 ไปเปลี่ยนคงไม่ทัน
ทำห้องตรงนี้สักห้อง น่าจะเหมาะกว่า และมันใช้ได้จริงๆค่ะ

หลังจากทีมงาน เช็คบริเวณห้องบอลรูมว่าพร้อมรึยัง
เมื่อพร้อมเป๊ะ ทุกคนนั่งที่ ประตูบอลรูมปิดสนิท
เรากับสามีถึงเดินออกไปค่ะ
ตอนแรกมันวิ่งๆ มันก็ไม่ตื่นเต้นอ่ะ พอยืนรอจังหวะประตูเปิดเท่านั้นหล่ะ
ขาสั่นค่ะคุณผู้โชมมม เห้ย ตื่นเต้นน เอาไงดี เริ่มอยู่ไม่สุก
ทีมช่างก็มา กัมบัตเตะๆๆ อยู่ข้างๆ (แปลว่าสู้ๆ)
จัดแจงการถือช่อดอกไม้ การควงแขนสามี สามีมืออีกข้างวางตรงไหนไรงี้
ระหว่างนั้นก็พนักงานมาบรีฟ ว่าเข้าไปให้โค้งนะ มีขอบอยู่ที่พื้น
ลืมถอนสายบัว และยกมือไหว้ ทิ้งไว้ที่ไทยก่อน
ที่นี่โค้งคำนับอย่างเดียวค่ะ และชุดเดรสขาวที่เราใส่อยู่นั้น
แน่น แน่นมากกกกกก แน่นกว่าชุดกิโมโน ตอนนี้เหมือนตายไปครึ่งท่อน
งานเราวันอาทิตย์ใช่ม้ะ ไฟนอลชุดวันศุกร์ เรารู้ตั้งแต่วันนั้นละว่ามันแน่นมาก
แต่มันแก้ไม่ทันอ่ะ เสาร์เช้าครอบครัวเรากับเพื่อนมาแล้วววว
ไม่มีเวลาแก้อีก เอาก็เอาวะ ช่างมัน ใส่ก็ใส่

พอวันจริง มันรัดจนจะเจ็บหลัง หายใจไม่ออกกก
มีเวลาแก้ไขหรอ ไม่มี๊ ไปต่อค่ะ 55555

พอประตูเปิด ไฟส่องป๊าดดดด เดินเข้าห้องบอลรูม
แล้วโค้งตั้งแต่ตรงหน้าประตู ซ้ายที ขวาที
มีพนักงานคอยบอกตลอดว่าหันซ้ายนะ ขวานะ อ้ะเดินนะ ตลอดเวลา
สบายไป ไม่ต้องจำ 555 


เราบอกสามี ตั้งแต่ก่อนงานว่า เวลาโค้ง หรือลุก หรือนั่ง ให้เรารอด้วย
ชุดเราลุกยาก โค้งยาก ให้ช้าๆหน่อย
ซึ่งดูจากภาพนิ่งทั้งหลายแล้ว สามีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขึ้นก่อนแต่อย่างใด
เงยหน้าไม่พร้อมกัน มันไม่สวยยยยย รูปไม่สวยยยย
ไม่มีพรีเวดก็งี้ 555555 แคร์รูปที่จะถ่ายออกมามาก 5555

โค้งเสร็จเราก็เดินไปยังเวทีค่ะ เวทีเราเตี้ยๆ เล็กๆ
มีโต๊ะ และเก้าอี้บัลลังก์สำหรับบ่าวสาว
งานญี่ปุ่น บ่าวสาว นั่งทานด้วยค่ะ 55555 แขกกินชั้นก็ต้องได้กินสิยะ




แต่วันจริงก็กินไม่ลงหรอก กินกันไปคนละคำสองคำให้พอหายหิว
แต่ไม่ต้องยืนนานๆ ก็คือที่สุดละค่ะ 555 เจ้าสาวงานไทย น่าจะเข้าใจดี 5555

ที่นั่งบ่าวสาวแค่นี้เลยค่ะ ง่ายๆ ไม่ต้องตัดโฟมป้ายชื่อบ่าวสาว
ไม่ต้องทำโลโก้ ไม่ต้องตกแต่งแบคกราวน์ใดๆทั้งสิ้น

เห็นถุงทิฟฟานี่ฟ้าๆในรูปไม๊คะ นั่นคือถุงของชำร่วยค่ะ
วางไว้ให้ที่เก้าอี้ ของใครของมันแบบนั้นเลย

มื่อถึงโต๊ะบ่าวสาว สามีก็กล่าวคำต้อนรับ เป็นภาษาญี่ปุ่น และอังกฤษค่ะ
อีที่งึมงำๆ มาตลอดทั้งวันนี่แหล่ะค่ะ ได้พูดสักที 5555
พูดเสร็จ จัดไปอีก 1 โค้ง แล้วนั่งลง

ระหว่างนี้พิธีกรก็พูดอะไรไปเรื่อย ฟังไม่ออก 5555
เรากับสามี ได้รับจดหมายอวยพรจากบุคคล บริษัท ห้างร้านมากมาย ก่อนวันงาน
แต่พิธีกรเลือกอ่านจดหมายจากนายกฯ ชินโซะ อาเบะค่ะ
เนื่องจากนักการเมืองที่มา เป็นพรรคเดียวกัน เค้าคงขอมาให้
ถามว่าที่อ่านมารู้เรื่องไม๊ ก็ไม่ 5555 ไม่ใช่ใครที่งง เจ้าสาวนี่หล่ะที่งง  5555

เจ้าบ่าวพูดเสร็จ อ่านจดหมายเสร็จ พิธีกรก็พูดถึงประวัติเราสองคนค่ะ
สองภาษา อังกฤษ และ ญี่ปุ่นค่ะ ประวัติจากที่ประชุมเจอกันเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
มีการสัมภาษณ์กันไปตั้งแต่วันนั้น นางก็เล่าไป ไม่ต้องมาถามบ่าวสาวบนเวทีอีก 
เจอกันครั้งแรกที่ไหน ประทับใจอะไรในตัวเค้า ขอแต่งงานยังไง ไม่มี๊ ไม่ต้อง เล่าไป

จากนั้นก็มีกล่าวคำยินดีจากผู้มีหน้ามีตา มีตำแหน่งสูงๆ
เหมือนเราให้ความสำคัญให้เค้าพูดอ่ะค่ะ
เริ่มจากนักการเมืองก่อน เรียกชื่อเรา คาซาม่าซังๆๆ (เราชื่อไทย  กษมา KASAMA)
ญี่ปุ่นอ่าน คาซาม่า ทุกคน 5555 ฟังออก แค่ชื่อเราเท่านั้นแหล่ะค่ะ
นอกนั้นนั่งยิ้มเฉยๆ 55555 เพื่อนคนไทย มองหน้าเหมือนถาม ว่ามึงยิ้มนี่รู้เรื่องหรอ
ได้แต่ยิ้มกลับไป นี่ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน 5555

ตอนผู้ใหญ่พูด บ่าวสาว และพ่อแม่บ่าวสาว ต้องลุกยืนด้วยนะคะ
เราเตี๊ยมแม่ไว้แล้วหล่ะ แต่กลัวแม่ลืม พนักงานที่คอยส่งสัญญานก็พูดอังกฤษไม่ได้
โต๊ะแม่ก็ไกล ได้แต่ลุ้นว่าแม่จะลุกป่าว 5555
นักการเมืองพูดจบ เราโค้งทำความเคารพ และนั่งลงค่ะ

ลืมไปรึยัง ว่าชุดเจ้าสาวแน่นสาสสส
มัน นั่ง ไม่ ลง เว้ย 5555 เอวถูกบล๊อคไว้อ่ะค่ะ
ตอนนั้นพะอืดพะอมมาก ทรมานสุดๆ น้ำตาจะไหล 55555

คนที่สองลุกขึ้นพูด เป็นประธานบริษัทซูซูกิระดับภูมิภาคอะไรซักอย่าง
คือที่บ้านเป็นธุรกิจขายรถค่ะ ก็จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในธุรกิจรถยนต์ประมาณนี้
บ่าวสาว และพ่อแม่ ลุกอีกทีค่ะ พอลุกขึ้น นางบอกให้นั่งค่ะ
ไม่ถือตัว ไม่ต้องยืน บ่าวสาวนั่งอีกรอบค่ะ

..ช้าน เหมือน คน กำ ลัง จา ตายย  ที่ ขาด อา กาศ หาย จายยย..

หลังจากที่เราซ้อมตายกันมาหลายรอบ
ถึงเวลาที่เราต้องยืนมั่ง เดินมั่งละค่ะ 555
พี่ชายสามี ซื้อถังสาเกมาให้เป็นของขวัญวันแต่งงานค่ะ
เป็นถังไม้แบบโบราณ ด้านในบรรจุเหล้าสาเกค่ะ
ซึ่งทางทีมงาน แอบเปิดไปหน่อยละ เพื่อแจกให้กับแขกทุกคนในงานค่ะ
ด้วยแก้วบล็อคไม้ตามประเพณี และเป็นของที่ระลึกให้กับแขกทุกคนด้วยค่ะ
เอากลับบ้านได้เลย

ตามที่เราว่าไว้เมื่อตอนที่แล้ว ว่าสาเกเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง
การเปิดงาน เปิดบริษัท เค้าก้อมาระเบิดถังสาเกแบบนี้แหล่ะค่ะ
ฝาเป็นฝาไม้ ค้อนไม้ แข็งแรงเบอร์ไหนไม่ทราบได้ ต้องใช้แรงเท่าไหร่ไม่รู้
มือเราอยู่บนมือสามีอีกทีค่ะ 55555


ตีครั้งแรก ไม่แตก
รู้สึกจะตีตามลงไปเกิน 5 ที ถึงจะแตก 555555
ละยังไง กล้องบานเลยข้างหน้า
แขกที่ญี่ปุ่น เราไม่เห็นเค้านั่งเล่นมือถือเลยนะ
ใครพูดก็มอง ก็ฟัง สนใจ พอบ่าวสาวทำอะไร ก็วิ่งกรูมาข้างหน้ามาถ่ายรูป
น่ารักอ่ะ ซึ้งใจ มีส่วนร่วมตลอดๆ

เรื่องของเรื่องคือ ทุบยังไงให้รูปออกมาสวย 555555
ไม่ถ่ายพรีเวดก็เงี้ยยยย 555555
ผลสรุปออกมาว่า ไม่มีรูปไหนสวย บรายยย
เออ ช่างมัน เอาฟีลลิ่ง (ปลอบใจตัวเอง) 5555


เรามีผู้ใหญ่อีก 1 ท่าน ขึ้นพูดค่ะ ตอนนี้บ่าวสาว กลับเข้าโต๊ะละ
แต่ก็ยืนฟังเหมือนเดิม ผู้ใหญ่ท่านนี้จะพูดอวยพร รวมถึงนำ คัมไป ค่ะ
เหมือน ไชโย บ้านเราค่ะ แต่ไม่มี คัมๆๆ ไปๆๆ แบบ ไชๆๆๆ โยๆๆๆ งี้นะ
คัมไปทีเดียว และแขก กับบ่าวสาว ดื่มสาเกจากบล็อคไม้พร้อมๆกัน




พูดถึงเรื่องคัมไป ที่ญี่ปุ่นนี่ ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่
เครื่องดื่มจะมาก่อน และห้ามรีบดื่มก่อนนะ ต้องรอคัมไปพร้อมกันก่อน
ไม่ว่าจะกับบริษัท กับแก๊งเพื่อน ทุกวันนี้ เรากับสามียังคัมไปกันก่อนมื้ออาหารเลยค่ะ
ใครเดทกับหนุ่มญี่ปุ่น อย่าเพิ่งหิวน้ำ รีบกระดกนะคะ รอคัมไปกันก่อน
วางยาให้นางตายใจว่าเรารับวัฒนธรรมนาง พอเป็นแฟนแล้วค่อยกลืนค่ะ
หิวก้อกิน ไม่หิวก็กินแบบบ้านเรา 55555555

คัมไปเสร็จ มีสปีชสั้นๆจากเพื่อนสามีค่ะ พูดถึงความรู้สึก
ความผูกพันธ์ของนาง นู่นนี่นั่น ปกติแล้วจะมีทั้งเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวค่ะ
แต่เราเลือกเพื่อนไม่ได้ ทุกคนสำคัญหมด กลัวเพื่อนน้อยใจ
ไม่ต้องพูด ตามนั้น 55555




ถึงอีกหนึ่งพิธีค่ะ พิธีตัดเค้กกก
ตัดเสร็จให้เจ้าบ่าวป้อนเจ้าสาวค่ะ
แล้วเจ้าสาวจะป้อนกลับเป็นคำใหญ่ๆ ให้ใหญ่เท่าความรักที่มีให้ฝ่ายชาย
งานอื่นๆ เค้าเตรียม จอบ พลั่ว ทัพพีมาตักกันได้นะคะ เอาขำๆไรงี้
เราเอาแค่ช้อนธรรมดา สงสารสามี 5555




แต่พอสามีป้อนเรา เลวว นางตักคำใหญ่มากกกก ไม่สนใจรูปปากเราเลยย
พอตาเรา จัดเต็ม ใช้ช้อนแค่ตัดค่ะ แต่เอามือหยิบ
กินเข้าไป ไม่มีความเห็นใจใดๆทั้งสิ้น เลวววววว สมมมมมม


เรากับสามีทำเซอร์ไพรสให้เพื่อนๆค่ะ เราเลือกรูปมาทำเป็นวิดิโอ ใส่เพลง ใส่คำพูดไรงี้
ความคิดสามีค่ะ แต่ใครทำคลิป ดิชั้นค่ะ 555555 คิดทำไมให้มันลำบากน้อออ
เราก็เลือกรูปเพื่อนกลุ่มที่มาร่วมงานค่ะ มาหน้าใหม่ แต่ในคลิปหน้าเก่าบ้าง
ก็สนุกสนานดีค่ะ

ระหว่างนี้ เรากับสามีไม่ได้ว่างนะคะ
แขกที่มาร่วมงาน เดินขึ้นมาถ่ายรูปด้วยตลอดเวลา ยิ้มจนหน้าไม่รู้เป็นทรงอะไรเลยค่ะ
นั่งอยู่กับที่ แขกเดินเปลี่ยนขึ้นมาเรื่อยๆค่ะ ยิ้มอย่างเดียว



ต่อจากนั้น เป็นพิธีมอบดอกไม้ให้บ่าวสาวจากเด็กๆค่ะ
แล้วเราก็มอบของขวัญคืนให้เด็กๆค่ะ
เด็กที่เราเลือก เป็นลูกชายและลูกสาวของพี่ชายสามีค่ะ
พี่ชาย 4 ขวบ น้องสาว 2 ขวบ คนพี่นี่เกร็งหน้าตึงตั้งแต่เช้า 555
คนน้องนี่พอได้ของก็ไม่สนใจกล้องละค่ะ ก้มหน้าแทะของขวัญอย่างเดียว 555


หลังจากนี้ บ่าวสาวเดินละค่ะ กล่าวขอบคุณแขกตามโต๊ะ
แต่ไม่ได้บังคับถ่ายรูปทุกโต๊ะ แบบงานไทยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเซลฟี่
หรือแขกถ่ายเรามากกว่าค่ะ
เรามีพนักงานคอยบอกทางไปตลอดค่ะ นางเร่งด้วยนะ ถ้าโต๊ะไหนถ่ายนานอ้ะ
ทีมช่างแต่งหน้าก็คลานตามกระโปรงเรามาอีก 1 คน


พอเดินมาถึงโต๊ะสุดท้าย หันหลังโค้ง เดินออกประตูไปค่ะ
พอประตูปิดตามหลังเราปุ๊บ
เจ้าบ่าว เจ้าสาวหอบกระโปรงวิ่งค่ะ วิ่งจิงๆค่ะ
เรามีเวลาอีก 30นาที เพื่อเปลี่ยนชุดแดง แต่ก่อนหน้านั้น
เราต้องถ่ายภาพคู่ แบบโชว์ชุดสวยๆก่อน เพราะเราสั่งทำอัลบั้มไว้ 555
วิ่งสิคะรอไร ถ่ายเสจ ก็วิ่งกลับเข้าห้องแต่งตัวค่ะ
เปลี่ยนชุดแดง เปลี่ยนรองเท้า หน้าผม เครื่องประดับอีก 1 รอบ

ระหว่างนี้ด้านในทำอะไรกันน่ะหรอคะ
เปิดพรีเซ้นเทชั่นค่ะ ถุกค่ะ เพิ่งเปิดมันกลางงานนี่แหล่ะค่ะ
มีโชว์ไฟจากในห้องครัวนิดหน่อย เป็นครัวย่างค่ะ สำหรับอาหารจานต่อไปไรงี้

ครบ 30 นาที เรากลับมาประจำที่หน้าประตูค่ะ
ทีนี้เราเดินเข้างานพร้อมแม่ค่ะ จะเซ็ทเป็นฉากคล้ายพิธีในโบสถ์งี้
แบบเจ้าบ่าวไปรอข้างในก่อน เจ้าสาวเดินมากับพ่อหรือแม่ แล้วไปจับมือกัน
ส่งมือเจ้าสาวต่อไปให้เจ้าบ่าว นึกภาพออกม้ะ 55555
ไม่รู้จะทำ ทำไม นี่ยังไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้







ต่อไป เป็นพิธีจุดเทียนค่ะ Candle Service
ทุกโต๊ะ จะมีแจกันดอกไม้ ที่มีเทียนอยู่ตรงกลาง
เราก็เดินไปจุดให้ทุกโต๊ะค่ะ มีโอกาสกล่าวคำขอบคุณอีกครั้งนึง
เมื่อครบทุกโต๊ะ เราก็มาจุดเทียนแต่งงานของเราค่ะ




สำหรับเทียนเล็กๆรอบ เราให้แขกมีส่วนร่วมในการจุดค่ะ

หลังจากนี้ก็มีการแสดงเล็กๆน้อยๆ จากเพื่อนสามีค่ะ
ขณะที่เรานั่งอยู่ที่โต๊ะ ก็มีคนต่อแถวถ่ายรูปตลอดนะคะ
ไม่ได้ว่างแม้แต่จะจิบน้ำ 5555






ที่ญี่ปุ่นยังมีพิธีที่แขกเดินมารินเบียร์ให้บ่าวสาวค่ะ
เบียร์ที่โต๊ะ เสริฟเป็นขวดค่ะ แขกก็เอาขวดนั้นแหล่ะ มาเติมให้เรา
ถึงขั้นใต๊โต๊ะ มีถังเปล่า ไว้ให้เราเททิ้งค่ะ 5555
สรุปไม่ได้แตะเบียร์ค่ะ เททิ้งหมด

อาหารตอนนี้เสริฟจนถึงอาหารหวานละค่ะ
และตัดแบ่งเค้กแต่งงานให้กับทุกๆคนด้วย
เรามีเกมส์ปุ๊บปั้บรับโชคให้ร่วมสนุก
แบบใต้จานเค้กมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจจะได้รางวัลอย่างงี้ค่ะ
แต่เอาจริงๆแล้ว ผู้โชคดีเราเลือกไว้ค่ะ 5555
เนื่องจาก ตำแหน่งที่นั่งแน่นอน เลือกใครก็ได้ตามนั้นค่ะ
เลือกเป็นน้องเด็ก 1 แขกญี่ปุ่น 1 แขกไทย 1 ค่ะ 

งานญี่ปุ่น จะรวมเอาทุกความรู้สึกมาไว้ในงานแต่งงานค่ะ
ทั้งความยินดีให้บ่าวสาว ความสนุกสนานจากการแสดง
และความซาบซึ้งจากจดหมาย ที่เจ้าสาวจะอ่านให้พ่อแม่ฟัง
เป็นจดหมายที่กล่าวคำขอบคุณ ความรักที่มีให้พ่อแม่ประมาณนี้ค่ะ

เจ้าสาวที่ญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้าอ่านไปร้องไห้ไปจะสวย
คนจะเห็นใจ ซาบซึ้ง อะไรทำนองนี้
ตอนเราร่างจดหมายอ้ะ ร้องไห้หนักมากกก พอวันจริง มันแค่ซึมๆ
น้ำมูกไหลเฉยๆ เพราะอ่าน 1 ตอน สามี ต้องแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ค่ะ
อารมณ์ไม่ต่อเนื่องเลยอ้ะ แต่แม่ แม่ร้องไปล้าววววววววววว 5555
เพื่อน เพื่อนก็ร้องด้วยยยยยย 555555


บ่าวสาวและพ่อแม่ จะมายืนด้านหลังห้องบอลรูมรวมกันอีกครั้ง
มอบดอกไม้ให้แม่ มอบของขวัญให้พ่อ สามีเรากล่าวขอบคุณแขกอีกครั้งค่ะ
คราวนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น และไทย ท่องแทบตายยยย พูดก็ไม่ชัด จะขำก็ไม่ได้ 5555


บ่าวสาว และพ่อแม่ จะมาตั้งแผงอีกครั้งหน้าประตูห้องบอลรูมค่ะ
เพื่อกล่าวขอบคุณเป็นรายบุคคล ย้ำ ทีละคนค่ะ
โดยเริ่มจากพ่อสามี แม่สามี สามี เรา แม่เรา พ่อเรา
แขกก้อเดินมาทีละคน กล่าวคำยินดีตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว
ระหว่างนี้เราก็มอบ ขนมกล่องรูปดาวที่เราเตรียมไว้ให้ทุกคนค่ะ
จำขนมได้ไม๊ จำไม่ได้ไปอ่านตอนที่1 55555

คนญี่ปุ่นใส่ใจในการแสดงความยินดี และแสดงความขอบคุณมากๆค่ะ
แขกญี่ปุ่นที่เตรียมตัวมา ทราบว่าเราเป็นคนไทย
ก็ท่อง "ขอบคุณครับ" "ขอบคุณค่ะ" "ขอแสดงความยินดี" มาจากบ้านนะคะ
น่ารักกันอะไรเบอร์นี้ :)


เมื่อกล่าวขอบคุณและอำลาทุกคนครบเรียบร้อยแล้ว
ทางพนักโรงแรมที่ร่วมในงานทุกคน
น้องพนักงานเสริฟ บาร์เทนเด้อ เชฟ ทีมช่างแต่งหน้า
จะมายืนล้อมเราไว้ค่ะ เพื่อกล่าวแสดงความยินดีให้กับบ่าวสาวอีกครั้ง
น้ำตาจะไหล ซึ้งในความใส่ใจของเค้าค่ะ
งานไทยนี่งานไม่ทันจบเลอ หาพนักงานไม่เจอละ 555
เสร็จจากนี้เราก็วิ่งไปถ่ายรูปคู่ลงอัลบั้มอีก 1 ครั้งค่ะ


ต่อจากนั้นก็รีบเปลี่ยนชุดแล้วต่อด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ
ขอคร่าวๆ เพราะจำไรไม่ได้มาก 55555

งานอาฟเต้อที่นี่ จ่ายตังค่าเข้าค่ะ งานเราคนละ 5000 เยน
มีเครื่องดื่ม และอาหาร และมีเกมส์แจกของรางวัล
เราเลือกเกมส์บิงโกค่ะ ฟังไม่ผิดค่ะ เราเล่นบิงโก 55555
ใครบิงโกก่อนก็ออกมาเอาของรางวัล ไล่จากรางวัลใหญ่ลงไปเล็กค่ะ
ก็สนุกสนานกันไป แบกรางวัลกลับบ้านกันไป

งานอาฟเต้อ เราใส่ชุดเดรสที่เราใส่ตอนงานหมั้นที่ไทยค่ะ
ละก็เปลี่ยนชุดนักเรียนญี่ปุ่นอีกชุดนึง เราอยากใส่ค่ะ เลยชวนสามีใส่ด้วย 555
นางก็ยอมว่ะ 5555555




คืนนั้นไปต่อกันอีก สองร้านค่ะ
เมาล้มมั่ง หลับคาร้านมั่ง นอนข้างถนนมั่ง หายไปติดต่อไม่ได้มั้ง
555555 เราเองกลับห้องตอนตีสามครึ่ง และหิวมาก
ดีที่ทางโรงแรม เอาอาหารเซ็ทของเรากับสามี
มาไว้ให้ที่ห้องค่ะ เพราะเราไม่ได้ทานในงาน 
นั่งกินมันตอนตีสามครึ่งนี่แหล่ะค่ะ 5555
ได้นอนตอนตีสี่นู่นน พระอาทิตย์ขึ้นละจ้าา เพิ่งได้ทิ้งตัวลงนอน

หมดวันสำหรับอังศุมาลินค่ะ 11โมง ยันตีสี่อีกวัน
1 งานแต่ง กับ 5 ชุดที่ต้องเปลี่ยน
ตอนหน้าน่าจะเป็นตอนสุดท้ายสำหรับรีวิวงานแต่งนะคะ
ฝากติดตามตอนต่อไป และต่อๆไปด้วย
มีอีกหลายเรื่องที่เราเห็นว่ามันดี หลังจากที่เราย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ
ความน่ารักแบบไทย ถ้าได้ผสมผสานกับความเป็นระเบียบของญี่ปุ่น
คงจะดีไม่น้อยเลยนะคะว่าไม๊

สำหรับว่าที่เจ้าสาว ว่าที่เจ้าบ่าวเราไม่พูดถึงดีกว่าน่าจะน้อยที่เข้ามาอ่าน 5555
อะไรที่น่ารัก ที่ดีจากงานแต่งแบบญี่ปุ่นที่เรารีวิวไว้ ยินดีให้ลอกนะคะ
งานสมัยใหม่ไม่มีแบบแผน ทำตามใจ เอาที่เราชอบค่ะ งานแต่งทั้งที
ทำให้ถูกใจ และเป็นไปตามกำลังทรัพย์ที่มีนะคะ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่างานแต่ง อัพราคาขึ้นเท่าตัวค่ะ
สิ่งของประดับตกแต่งไม่สำคัญ เท่าความรักความหวานของคู่บ่าวสาวนะคะ
ไม่เอางานแต่งหรูหรา แล้วปวดหัวตอนจ่ายตังเน้ออ

ตอนต่อไปจะพูดถึง ระบบการจัดการหลังงานแต่งทั้งหมดค่ะ
เงินยังไม่ได้จ่าย ซองเงินหล่ะอยู่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทิ้งไว้บนโต๊ะไปไหนแล้ว
ตอนหน้ามาตามหาพวกมันกันค่ะ