Friday, June 16, 2017

เจ้าสาวดังโงะ ตอนที่3

อ้ะมาละค่ะ เริ่ม!
จากที่เราว่ากันไว้เรื่องพิธีการในตอนที่1
ว่าเราจะมีพิธีตามแบบญี่ปุ่นที่ศาลเจ้า
และมีงานเลี้ยงดินเนอร์ที่โรงแรมแบบงานแต่งทั่วไปนั้น

ในความเหมือนยังมีความต่าง
และในความต่างก้อยังมีความคล้ายให้พอเข้าใจได้บ้าง
อ้ะ งง 55555

งานแต่งที่ญี่ปุ่นสามารถเลือกได้เหมือนงานแต่งที่ไทยค่ะ 
ว่าเราจะจัดเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็น
วันที่เราเลือกจัดงาน เป็นวันดีที่ตรงกับวันอาทิตย์ด้วย
มีบ่าวสาวอีก 1 คู่ มาติดต่อทางโรงแรมก่อนหน้าเราแล้ว
ซึ่งเหมือนในไทยเลย สถานที่ต้องจองล่วงหน้ากันครึ่งปี
สถานที่จัดงานดังๆ ในวันฤกษ์ดีๆ ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นปีนะเอ้อ
เพราะคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับวันดีมากกกกก
ไม่เหมือนงานไทย ที่ยังจะพอมีคนเอาฤกษ์สะดวกงี้
ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ดีสำหรับแต่งงาน วันนี้ดีสำหรับขับรถใหม่
วันนี้ดีสำหรับส่งจดหมายเชิญ งานเราถึงขั้นว่าการ์ดเชิญจะไปถึงบ้านคนรับในวันฤกษ์ดีหรือไม่ โอ่ยยยย เอาเข้าไปปปปป

ละคู่ที่มาก่อนหน้าเรา เค้าเลือกจัดงานช่วงเช้าไปค่ะ
ซึ่งก็ตรงตามจุดประสงค์ของเราตั้งแต่เเรกอยู่แล้ว
ว่าจะจัดงานตอนเย็น เป็นอันว่าตกลง โป๊ะเช๊ะ 
งานแต่งงานจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2560

งานศาลเจ้าซึ่งตอนแรก เราก็คิดแบบงานไทยอ้ะเนอะ
ไปศาลเจ้าเช้า กลับมาเปลี่ยนชุดละต่องานเย็น งี้
ป่าวจ้าาา งานศาลเจ้าเริ่มบ่ายสอง เริ่มเเต่งตัว 11โมง
โอ้โหวว มีความสบาย ไม่ต้องรีบตื่นแต่ตีสองตีสาม
งานหมั้นที่ไทยยังจำได้ ว่าคืนก่อนหน้านั้นไม่ได้นอน 
อาบน้ำเสจ ช่างแต่งหน้ามาจ้าาา เฮลโหลลล

ที่โรงแรมนัดเจอเรา 11 โมงค่ะ มาแต่ตัวจริงจัง
ทุกอย่างฝากเอาไว้แล้วกับพนักงานที่โรงแรม
ฝากทุกอย่าง ฝากยันแหวนแต่งงาน
เค้าก็มีความเชื่อใจกันในระดับสูงเน๊อะ 5555

11โมง เราเริ่มแต่งหน้าค่ะ
แปปปปเดียวเสร็จ แปปเดียวจริงๆ 
หน้านี่เน้นความธรรมชาติมากก ผู้หญิงญี่ปุ่นเค้าผิวดีไม๊หล่ะ
ดูหนังหน้าเราก๊อนนน
เอาจริงๆแล้ว เรากลัวอย่างเดียว กลัวรองพื้นผิดเบอร์ 555
คือเราดำผิดเฉดไปจากสาวญี่ปุ่น ประมาณสามสิบเบอร์ 
ช่างจะมีไม๊ สีนี้หน่ะ 555555

วันจริง มีค่ะ ไม่มีรองพื้นนะคะ มี BB 555
บางเฉียบ 0.1 มม. รูขุมขนนี่ยังกลบไม่ทันมิดเลยช่างงง
ในใจคิด เออ เอาวะ อะไรก็ได้ มาๆ

ขนตาปลอมเราไม่ติด เพราะเรามีปัญหาตาแห้งมาก
เข็ดจากงานหมั้น นี่ต้องอยู่อีกครึ่งวัน เลยตัดสินใจใช้ปัดขนตาปกติค่ะ
คิ้วนี่ ดินสอเขียนคิ้ว 1 แท่ง จบปึ้ง ง่ายเว่อออ
อายแชโดวสามสี ปัดแก้ม ทาปาก แค่นี้จิงจัง

ระหว่างเราแต่งหน้า สามีก็แต่งตัวค่ะ
มีพนักงาน 3 คนคอยช่วยเรากับสามีแต่งหน้า แต่งตัว
ละสามคนนี้อยู่วนอยู่รอบตัวเราตลอดงานเลยค่ะ 

พอเราแต่งหน้าเสร็จ สามีก็ใส่ชุดเสร็จพอดี 
ถึงตาเราแต่งตัวละค่ะ
ชุดอังศุมาลิน ที่เราเลือกไว้นั้นน
ในวันจริงแล้วว พันอยู่ข้างในมากกว่า 5 ชั้น
แต่ละชั้นคือผ้านวมดีดีนี่เองค่ะ
ชั้นข้างในรัดต้องแน่น เพราะมีอีกห้าชั้นที่ต้องห่อเพิ่ม
เข้าใจความรู้สึกของหมูยอก็วันนี้ 5555

พอใส่ชุดเสร็จ แน่นมากก แน่นแบบ นี่จะตายไม๊
หรือจะเป็นลมไปก่อนงานเสร็จไม๊เนี่ย
แต่ก็ทนไป แล้วตอบสามนางนั่นว่า เราโอเครรรรร

ต้องนั่งลงเพื่อติดหมวกครึ่งวงกลมอีกรอบ
ซึ่งข้างใน มีโครงเหล็ก เพื่อให้หมวกมันตั้งในทรงที่สวยงามอีก
จิกหนังหัวไปอี้กก
เป็นไงหล่ะ อังศุมาลิน 555555

นี่อังเจ็บซี่โครงตั้งแต่ใต้นม ยันกระดูกสะโพก
บล็อคมันไว้งั้น หนักและแน่น
หิวนะ แต่มันกินไม่ได้ มันกลืนไม่ลง
ติดตรงลิ้นปี่ 555555


มันก็จะลอยๆหน่อย 5555
หน้ามันก็จะจริงประมาณนี้
ไม่มีแก้ไขรูปหน้า ไม่มีไฮไลท์ดั้งเดิ้งอะไรทั้งนั้น
นี่ญี่ปุ่นรักความธรรมชาติขนาดนี้เลยหรอคะ โอ่ยยย

แต่งตัวเสร็จก็เดินทางไปศาลเจ้าค่ะ
ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 10 นาทีจากโรงแรม
ซึ่งให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปศาลเจ้าก่อนค่ะ 
เพื่อไปถ่ายรูป งู้นงี้
นี่เรายังไม่ได้เจอพ่อแม่ และเพื่อนๆนะคะ
แต่งหน้าแต่งตัวแยกค่ะ


สภาพก็ทุลักทุเลประมาณนี้
เดินเองยังไม่ได้ ถถถถถถถถถ อังเอ๊ยยย
5555555
ที่เห็นคนญี่ปุ่นเดินซอยขายิกๆแบบในหนังอ่ะ
มันมีอยู่จริงนะคะ คือมันก้าวขาไม่ออก
ผ้าห่มม้วนรอบตัวอยู่ห้าชั้น 
เดินได้ทีละกระจิ้ดๆๆจริงๆ
อยากจะถามว่าใครคิดชุดวะ


ศาลเจ้าที่เราเลือกทำพิธี เป็นศาลเจ้าใกล้บ้านสามีค่ะ 
ที่บ้านสามีมักจะมาประกอบพิธีกรรมต่างๆ 
มีความผูกพันกันพอสมควร เราเลยเลือกมาแต่งงานที่นี่ค่ะ

ที่จริงที่โรงแรมมีห้องที่ทำพิธีได้เหมือนกันค่ะ
เซ็ทที่นั่งเป็นแบบงานพิธีญี่ปุ่น หรือแบบในโบสถ์ก็ได้
คนญี่ปุ่นจริงๆแล้ว ไม่มีศาสนานะคะ
งานพิธีแต่งงานในโบสถ์แบบคริสต์ ถือว่าฮิตมาก สำหรับคนญี่ปุ่นค่ะ
พี่ชายสามีก็แต่งในโบสถ์ค่ะ
งงๆหน่อยค่ะที่นี่ แบบไม่มีศาสนา แต่แต่งงานแบบคริสต์
งานศพแบบพุทธอะไรทำนองนี้ 
ก็ฟรีสไตล์ดีค่ะ ชอบแบบไหน เลือกแบบนั้น 
ไม่ต้องสนใจว่าจะศาสนาไหน ไม่มีใครว่า

สำหรับอากาศวันนั้นก็เป็นใจเสียเหลือเกินนน
ที่บ้านฝนตก หนาว แฉะ อับชื้น มาสองอาทิตย์
พอมาเสาร์-อาทิตย์วันงาน ฝนหยุด แดดออก 
ท้องฟ้าไม่มีเมฆสักก้อน
เรากับสามีว่า ไม่มีฝน คือโอเคละ
ก็ไม่คิดว่าพระเจ้าจะใจดี แถมแดดมาให้เราด้วย 555

เริ่มพิธีเวลาบ่ายสอง ร้อนแค่ไหนไม่ต้องสืบ
ผ้านวมห้าชั้นที่เราแบกไว้ เหมือนซาวน่าเคลื่อนที่ค่ะ
ดีที่มีหมวกพอบังแดดไว้ได้บ้าง 
แต่!!พอถ่ายรูป มันเป็นเงา!!
หน้าเจ้าสาว มืดตึ่บ แสงไม่ตกกระทบไปอี้กก
โอ้ยยย ชีวิตของอีอังงง

เกือบบ่ายสอง รถบัสจากโรงแรมมาถึงค่ะ
บรรจุพ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอา มาเต็มคันรถ
งานเราพิเศษนิดนึง ตรงที่มีเพื่อนสนิทเรามาด้วย
ปกติ งานศาลเจ้าจะเชิญเฉพาะคนในครอบครัวค่ะ
เราอยากให้เพื่อนที่มางานเรา ได้ร่วมพิธีกับเราด้วย
พิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่น มีความขลัง มีเอกลักษณ์
เราว่าเพื่อนเราน่าจะประทับใจกับพิธีที่เกิดขึ้น

เมื่อทุกคนมาถึง
ก็ถ่ายรูปรวมญาติหน้าศาลเจ้า และเดินเข้าสู่บริเวณที่จัดพิธีค่ะ

ระหว่างนี้ พนักงานที่คอยดูแล เสื้อผ้าหน้าผม
นางดูแลยันการเดิน การนั่ง การวางมือ
 การเดิน ให้เดินเท้าต่อเท้า ปลายเท้าเฉียงเข้าหากัน
ลองทำตามค่ะ 555 มันยากนะ 
คือแค่ยืนก็จะล้มแล้ววว ชุดหนัก รัดแน่น
เดินเองยังจะไม่ไหว ยังจะให้เดินให้สวย 555
นั่งก็ให้ปลายเท้าปิด มือประสานงี้
ค่ะ ได้ค่าา เพื่อความอังศุมาลินของดิชั้นนน

ตอนนี้อาการปวดหลังมาล่ะค่ะ 
เป็นหมูยอมาแล้วสองชั่วโมง

และยังจะเป็นหมูยอต่อไปเรื่อยๆ


เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินนำทุกคนเข้าไปค่ะ
ด้านใน บ่าวสาวนั่งตรงกลางห้อง
ญาตินั่งแยก ฝั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาว

ผู้ทำพิธีเริ่มบทสวด ตีกลอง สบัดพู่
เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และให้พรแก่บ่าวสาว และแขกร่วมพิธี

มีหมุนดอกไม้ขอพรที่เราซ้อมมาแล้วจากบ้าน
 และสามีอ่านจดหมายค่ะ แต่แปลว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ 555

ล่วงเลยมาถึงพิธีดื่มสาเก
สาเก เป็นเครื่องหมายของการเฉลิมฉลอง
ถ้ายิ่งผ่านพิธีกรรมมาแล้ว จะเป็นเครื่องดื่มศักดิ์สิทธ์
 มีถ้วยสาเกสามไซส์ ดื่มไซส์ละสามครั้ง 
สาเกครั้งแรกในชีวิตของเราค่ะ 
กลิ่นแบบข้าวหมัก หมักจนมันเป็นเหล้าอ่ะค่ะ
กลิ่นแรง และเมาจริง 5555
คนเทก็ไม่เบามือเลยย
เรานี่เมา ปากชาตั้งแต่บ่ายสอง



แขกร่วมพิธีก็ไม่รอดนะจ๊ะ ดื่มด้วย คนละถ้วย 555


นอกจากนั้น ก็มีการแนะนำญาติของทั้งสองฝ่าย
และเเลกแหวนแต่งงานค่ะ



แหวนแต่งงานของเรากับสามี คือมันพอดีเป๊ะ
วันงานร้อนแล้วก็ตื่นเต้น เหงื่อออกมือ
ใส่ไม่เข้าทั้งคู่ 555 ดันก็อยู่นาน รูปก็เลยสวยแบบนี้
จำไว้เป็นทริคนะคะ เพื่อนๆ

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีที่ศาลเจ้า ครอบครัวและเพื่อนๆ 
เดินทางกลับโรงแรมกันก่อนค่ะ
เจ้าสาว แอบนั่งแกะหมวกก่อนกลับเข้าโรงแรม 55555

ระหว่างนี้ ที่โรงแรม จะมีเเขกมาเพิ่ม
ผู้ที่ถูกเชิญมาร่วมพิธีโปรยดอกไม้นั่นน่ะ
พอแก๊งจากศาลเจ้าไปถึงก็ตั้งแถวรอค่ะ
พอเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึงก็เป็นพิธีโปรยดอกไม้ต้อนรับ 
เดินพรมแดงไปเรื่อยๆงี้  

ตัดภาพมา ตอนรอข้างในจัดแถว
เรากับสามี ยืนตากแดด แอบอยู่หน้าโรงแรม 5555



พ่อแม่ อยู่หัวแถวค่ะ เชิญมา 40 คนที่ร่วมพิธีนี้
พอวันจริง แขกที่มาถึงก่อน ก็มาโปรยดอกไม้ด้วย
แถวยาวว โปรยไปเรื่อย ไม่จบไม่สิ้น


โฉมหน้า ผู้คนที่พยายามปากลีบดอกไม้ใส่หน้าดิชั้น
และโห่ร้องตลอดทางค่ะ!!
55555

ต่อจากนั้นสิ่งที่ชะนีโสดทุกคนรอคอย
โยนดอกไม้ค่าา 


เรามีเพื่อนคนนึงที่เล็งไว้ในใจ ก็พยายามจะโยนให้นางแหล่ะ
พอเดินขึ้นไปถึงข้างบน
พนักงานให้หันหลัง แล้วหลับตา
อ้าววววว ยังไม่ทันเห็นว่าเพื่อนอยู่มุมไหน 5555
คิดในใจ โยนๆไปวะ ใครได้ก็ได้
แต่มันไม่ได้แน่เลย

พอโยนปุ้บ กลับหลังหันมองลงไป มันได้เว้ยยยย
โอ้ยยย ดวงมันมีก็งี้ 5555
แต่งเลยๆๆ

ระหว่างที่ทุกคนทะยอยไปรีเซฟชั่น 
เรากับสามี ก็สี่คูณร้อยวิ่งไปห้องแต่งตัวค่ะ 
นอกจากแกะอีตู้ซาวน่าเคลื่อนที่แล้ว
เปลี่ยนชุดเป็นเดรสขาว พร้อมหน้าผม และเครื่องประดับใหม่
ภายใน 30 นาที ทุกอย่างรอบตัวคือพายุ
มีพนักงานมาช่วยแต่งตัวเพิ่มอีก 1 คน
ตอนนี้ทั้งสี่คนวิ่งอยู่รอบเราค่ะ
คนนึงแกะกิโมโน คนนึงดึงกิ๊บบนหัว
อีกคนมาลบอายแชโดวละค่ะ
บรรเทิงสุด ก้อตอนเปลี่ยนชุดเนี่ย

ห้องบอลรูมญี่ปุ่น จะเปิด 15 นาทีก่อนงานเริ่ม
นั่นหมายความว่า ภายในเวลา 15 นาที
ทุกคนจะเข้านั่งที่ประจำตำแหน่งเรียบร้อยสวยงาม 
พร้อมสำหรับการเริ่มพิธีการค่ะ่

งานแต่งญี่ปุ่นไม่มีซุ้มดอกไม้ถ่ายรูป
ไม่มีบ่าวสาว ยืนถ่ายรูปหน้างานนะคะ
สบายบ่าวสาวไป ไม่ต้องยืนสแตนบายรอแขก
เชิญเข้าห้อง เชิญนั่งตามที่จ่ะ
ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดเวลาเป๊ะๆ

ที่รีเซฟชั่น จะเปิดประมาณ ครึ่งชั่วโมงก่อนงานเริ่ม
รีเซฟชั่นก็เป็นเพื่อนของสามีค่ะ
มีหน้าที่รับซอง เช็คชื่อ รับของขวัญ 
รับการ์ดอวยพร ที่เราส่งให้พร้อมการ์ดเชิญ
ทุกคนเขียนมาแล้วจากบ้าน ไม่เสียเวลาเขียนหน้างาน
แค่เก็บๆรวมๆค่ะ 
เนื่องจากแขกมาตรงเวลา รีเซฟชั่นก้อไม่ต้องนั่งสแตนบาย 
เมื่องานไกล้เริ่ม ปิดจ๊อป เข้านั่งที่ของตัวเองได้เลยค่ะ


รูปทั้งหมดที่เราใช้บริเวณรีเซฟชั่น 
เป็นรูปจากงานหมั้นที่ไทยค่ะ

เราเป็นคู่ที่ไม่ถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ
เพราะว่าเปลือง 555 เอาจริงๆ เหตุผลแค่นี้
งานไทย ใช้รูปที่ถ่ายเล่นตอนใส่ชุดกิโมโนคู่กัน
กับภาพพรอทเทรทที่เราตั้งกล้องถ่ายเอง 

พอมางานที่นี่ เราก็ตั้งใจเลือกใช้รูปชุดไทยค่ะ
แขกญี่ปุ่นเค้าก็ตื่นเต้นๆ ไม่เคยเห็นชุดไทยไรงี้

เอาจริงๆแล้ว มีพรีเวดหรือไม่มีก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคู่นะคะ
เราไม่มีเพราะเด๋วนี้ค่าถ่ายพรีเวดแพง ชุดเช่าเพิ่มก็แพง
และเวลาของเรากับสามีตอนนั้น ต้องใช้วิธีบินไปบินมากันอยู่
เลยตัดสินใจไม่ถ่ายละกันงี้ สามีก็ไม่ว่าอะไร

ข้อดีของพรีเวดก้อมีนะคะ วันงานไม่ต้องมากังวลละ ว่ารูปคู่จะโอเคไม๊
หน้าเหวอรึเปล่า มีรูปแอคนี้รึยังนะ ไรงี้
มีรูปสวยๆอยู่ในมือแน่นอน สบายใจ

ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ก็ตัดสินใจตามเหตุผลของแต่ละคู่ละกันนะคะ
เจ้าบ่าวเราขี้เขิลไม๊ ถ่ายรูปแต่ละทีเเข็งเป็นท่อนไม้
ถ่ายพรีเวดไป รูปก้อออกมาดูฝืนๆไรงี้ป่าว
ก็ลองพูดคุยกันดูนะคะ

คู่เราไม่ถ่ายพรีเวดก็จริง แต่ในงานเราจัดเต็มนะคะ
ภาพนิ่ง วิดิโอ สั่งทำอัลบั้มรวมชุดแต่งงาน เต๊มมมมไปหมด 5555


เหลือเวลา สามวินาที ก่อนเริ่มงาน
ดึงสามีออกจากภวังค์ท่องคำกล่าวต้อนรับแปปนึงค่ะ
นางบ่นงึมงำๆมาครึ่งชั่วโมงละ 555

ตอนหน้ามาต่อนะคะ
ตั้งแต่เริ่มพิธีการ จนจบการเลี้ยงอาหารค่ำ
ภายในสองชั่วโมงครึ่ง เกิดอะไรขึ้นในงานบ้าง เราทำอะไรลงไปบ้าง

ตอนเเรกก็ว่าจะเขียนย่อๆ
พอเริ่มเขียนปุ้บ มายาวเลยย 555 ขี้เกียจอ่านกันแล้วไม๊อ้ะ
แล้วจะรีบมาเขียนต่อนะคะ

ปล. สามีดีใจมาก ที่เพื่อนๆคนไทย สนใจวัฒนธรรมของญี่ปุ่นขนาดนี้
สามีฝากขอบคุณมาด้วยค่ะ :)


2 comments:

  1. ชอบมากกก เรียบง่ายดี อยากรู้มานานแล้วว่ารายละเอียดเป็นยังไง ขอบใจน้องโอ๋น้าที่มาเขียนไว้ให้อ่านกัน ปล.ชอบการ์ดอวยพรที่แจกก่อน ได้เขียนยาวๆแล้วก็ไม่เสียเวลาด้วย :)

    ReplyDelete
    Replies
    1. งานที่นี่จะคิดล่วงหน้า แบบหลายๆขั้นจริงๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแขกที่มาในงานค่ะ คนญี่ปุ่นธรรมเนียมญี่ปุ่นนี่ลึกซึ้งมากจริงๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ฝากติกตามตอนต่อๆไปด้วยนะคะ :)

      Delete