Monday, January 15, 2018

Tips จัดกระเป๋าเตรียมไปคลอด ฉบับแม่บ้านญี่ปุ่นค่ะ

บอกก่อนว่านี่เป็นการเตรียมไปคลอดในแบบญี่ปุ่นๆนะคะ
อาจจะแตกต่างจากไทย และต่างกันไปในแต่ละโรงพยาบาลของญี่ปุ่นค่ะ

กว่าจะเริ่มลงมือจัดกระเป๋าได้ ตอนนี้เกือบ 36 สัปดาห์ละจ้า
ลูกจะออกมาเซย์เฮลโหลในไม่ช้า

ตอนแรกเราก้อยังชิวๆ ว่าจะจัดตอน 38 สัปดาห์
แต่วันก่อนคุยกับเพื่อน ภรรยาเขาคลอดตอน 34 วีค
อีนี่วิ่งวุ่นเลยจ้าา ของยังไม่ครบเลยว้อยยยยย
555555

ที่โรงพยาบาลที่โอ๋ฝากครรภ์ 
มีเอกสารมาให้เลยว่าให้เราเตรียมอะไรไปบ้าง
แล้วเขาเตรียมอะไรไว้ให้เราบ้าง
บวกกับหาข้อมูลจากเวปไซต์ต่างๆนานา ทั้งไทย ทั้งฝรั่ง
และประสบการณ์จากแม่บ้านไทยในญี่ปุ่นท่านอื่นๆด้วยนะคะ
สรุปว่ากระเป๋าเตรียมคลอดของอิชั้นใหญ่มว้ากกกกกก

เนื่องจากหลังการคลอดที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น
ทางโรงพยาบาลจะให้พักที่โรงพยาบาลอีก 5 วันค่ะ
โรงพยาบาลที่โอ๋ฝากครรภ์นั้น 
ไม่อนุญาติให้ญาตินอนเฝ้าช่วงกลางคืน
เยี่ยมได้ช่วงกลางวันเท่านั้น 
และคนเข้าเยี่ยมได้มีแค่สามี คุณแม่เรา และคุณแม่สามีค่ะ
นอกนั้นเยี่ยมนอกกระจกเด้ออ 
ไม่สามารถมามอบลูกโป่ง กระเช้าดอกไม้
หรือรังนก สร้อยทอง กำไลข้อเท้าแบบไทยได้ค่ะ

จะว่าเตรียมๆไปก่อน ขาดอะไรค่อยให้สามีหามาให้
สามีคงหาซื้อใหม่ให้อ่ะค่ะ เพราะไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหน
ทุกวันนี้แว่นสายตาตัวเอง ใส่เองถอดเอง ยังถามเมียว่าอยู่ตรงไหน
โอ้ยยยน้อออ 55555555

1.เอกสารสำคัญต่างๆ
สมุดพกแม่-ลูกสุขสันต์หรรษา แฟ้มเอกสาร บัตรประกันนู่นนี่
แบบสอบถาม ใบเซนต์ยินยอมมากมาย
เตรียมให้พร้อม มัดมันไว้รวมกันค่ะ


2.ของใช้ส่วนตัวของเรา / อุปกรณ์อาบน้ำ และความงาม
ชุดชั้นในแบบเปิดให้นมได้ ชุดนอน ชุดใส่วันกลับ
ผ้าขนหนู ถุงเท้า สลิปเปอร์ 
และถุงเท้าคลายเส้นเลือดยี่ห้อ Dr.Scoll Medi QttO ไปอีกคู่ค่ะ
อันนี้อ่านจากเพจแม่บ้านไทยในญี่ปุ่นค่ะ 
ว่าหลังคลอดอาจจะมีอาการขาบวม
ใส่คืนเดียวรู้เรื่อง เราก็ไปหาซื้อตามพี่เขามาค่ะ 5555
ใครเค้าว่าดี โอ๋ก้อว่าดีค่ะ

แชมพู สบู่ แปรงสีฟัน ครีมล้างหน้า โลชั่น สกินแคร์ต่างๆ
เตรียมเป็นขวดเล็กๆ ซองเล็กๆ 
จากที่เราเก็บสะสมมาจากโรงแรมต่างๆ 5555
หมดแล้วทิ้งไปโลด ไม่แบกกลับ

เครื่องสำอางค์ ก้อพกแค่ไม่ให้อิแม่เป็นผี กลัวลูกจะตกใจ 555
ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น แป้ง บรัชออน 
ลิปบาล์ม ลิปสติค

ไดร์เป่าผม แบบมีหัวแปรง เป่าแห้งและจัดทรงในทีเดียว


3.ของใช้ลูก
เสื้อผ้าที่จะใส่วันกลับบ้าน ช่วงที่คลอดนี่หนาวสุดๆไปเลยจ้า
ไม่รู้ใส่อะไรแค่ไหนถึงพอ ขนไปก่อน หมวก ถุงมือ ถุงเท้า
เสื้อสั้น เสื้อยาว เสื้อนอก 
ผ้าพันตัวผืนใหญ่ ผ้าห่มพันตัวอีก 1 ผืนหนาๆ

ผ้าคลุมให้นม ของเล่นเด็กอ่อน
ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ 
คุณพยาบาลให้เตรียมไว้สำหรับเช็ดคราบนม คราบน้ำลาย
ให้เตรียมไว้ 4-5 ผืน โอ๋เตรียมผืนเล็กไป5 ผืนยาวอีก 2 ค่ะ

ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ที่ได้ของแถมมาจากหลายๆแห่ง เอาไปเผื่อค่ะ



4.ของใช้เพื่อสุขอนามัย
แผ่นซับน้ำนม ครีมทาหัวนมแตก ผ้าอนามัยซับน้ำคาวปลา
ทิชชู่ ทิชชู่เปียก



5.ของใช้จิปาถะ
กล้องถ่ายรูป กระติกน้ำร้อน สายชาร์จแบตโทรศัพท์
น้ำขิงแบบผง น้ำมะตูมแบบผง ชาแบบไม่มีคาเฟอีน
เครื่องรางของขลังต่างๆ
แผ่นมาส์คหน้า เผื่อไม่มีไรทำตอนกลางคืน ตื่นมาจะได้สวยนิดนึง
ยัง ยังจะห่วงสวย!



เก็บลงกระเป๋าใบโต เต็มเอี้ยดด
ลูกมาเมื่อไหร่พร้อมคว้าไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

แม่ๆคนไหนกำลังเตรียมคลอด 
หรือมีประสบการณ์การเตรียมคลอดมา
ทั้งที่ไทย และญี่ปุ่น มาช่วยๆกันแชร์นะคะ
อะไรที่โอ๋ยังไม่ครบ จะได้ไปหามาเพิ่ม 5555 ยัดลงรึเปล่าว่ากันอีกที
เตรียมไปเกินดีกว่าขาดอ้ะเนอะๆๆๆๆๆ







Friday, December 22, 2017

ตอนที่2 ปสก.เปลี่ยนใบขับขี่ไทย เป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น



เฮลโหล กลับมาจากศูนย์สอบขับรถละจ้าา

*รีวิวที่มาเล่าให้ฟัง เราไปทำที่สำนักงานเมือง Mito จังหวัด Ibaraki นะคะ
อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเมืองนะคะ

เราเริ่มกันแต่เช้าาา ช่องเปิดรับแบบฟอร์มสมัครสอบคือ 9.00-10.00น.
เราไปถึงก่อนค่่ะ เพื่อความมั่นใจ
ขออภัยที่รูปไม่มีนะคะ เพราะคนเยอะ จะยกกล้องถ่ายอยู่
เกรงใจ Privacy ของบุคคลแถวนั้น นางอาจจะรู้สึกโดนคุกคาม

ไปถึงแปดโมงกว่าๆ ตรงดิ่งเข้าไปช่องหมายเลข 12 ค่ะ
เป็น General Information แจ้งเค้าว่าจะมาเปลี่ยนใบขับขี่ต่างชาติ เป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น
นางก็ถามคำถามเบสิค ว่าจากประเทศไหน เลือกสอบเกียร์ออโต้ หรือแมนน่วล
ถ้าออโต้ จะเป็นใบขับขี่สำหรับออโต้อย่างเดียวนะคะ
ถ้าเลือกสอบแมนน่วล ใบขับขี่ที่ได้จะสามารถขับได้ทั้งแม่นน่วลและออโต้ค่ะ

เราก็จะได้แบบฟอร์มมากรอกค่ะ
ซึ่งขึ้นตอนนี้ ใครอ่านญี่ปุ่นไม่ออก สมควรมีพกคนช่วยมาด้วยค่ะ
เพราะทั้งหมดทั้งมวล ไม่มีภาษาอังกฤษสักตัว อิหอย

ในเวปไม่มีใครพูดถึงรูปถ่ายเลย
ตอนแรกก้อนึกว่าไม่ต้องใช้ ที่ไหนได้ มีให้ติดรูป 2 ที่ค่ะ
ดีที่พกรูปที่ใช้ตอนขอวีซ่ากันเหนียวไปด้วย
แต่ นางมีช่องไห้แปะแค่รูปขนาด 1 นิ้วค่ะ 555
โอ้ย รูปอิชั้นใหญ่ลื้มม ตัดจนเหลือแต่หน้า
ใครจะไป โปรดเตรียมรูปด้วยนะคะ
นอกจากใบสมัครแบบชื่อนามสกุลวันเกิดไรงี้
ก็มีใบคำถามว่า ใน5ปี เคยเป็นโรคร้ายแรง ขยับตัวไม่ได้ไม๊
ใน 5 ปี หมอเคยสั่งห้ามขับรถไม๊ อะไรทำนองนี้ค่ะ ก้อตอบไม่ๆๆๆๆไป

กรอกเรียบร้อยก้อไปซื้อสแตมป์เป็นการจ่ายตัง 2400 เยน
(หรือ 2200 เยนไม่แน่ใจ สามีไปจัดการให้ ลืมถามนาง)

พอ9.00 น.ปุ้บ ช่องหมายเลข 14 ก็เปิดค่ะ
ป้ายเขียนไว้เลยว่าเป็นช่องสำหรับ Foreign License Into Japanese License
เมื่อถึงคิวก้อส่งใบสมัคร และ เอกสารทั้งหมดที่เราเตรียมมาให้เจ้าหน้าที่ค่ะ
นางก็ดูๆ เช็คๆ เเละให้เราไปนั่งรอค่ะ แจ้งว่า 10โมง จะมาเรียก
เราได้เป็นคิวหมายเลข 2 ค่ะ
(เอกสารที่ใช้ คลิก )

พอถึง 10 โมง เจ้าหน้าที่ก็เริ่มเรียก คุณลุงหมายเลข1 
แปปเดียวก็เรียกเราค่ะ
เรียกไปสัมภาษจ้าาาา ทำใบขับขี่ครั้งแรกเมื่อไหร่
เรียนในสถาบันไม๊ กี่ชั่วโมง สอบใบขับขี่ที่ไหน สอบขับรึเปล่า
ในถนนจริง หรือถนนในศูนย์สอบ สอบยังไงบ้าง บลาๆๆ
ถามเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ให้เราไปนั่งรอค่ะ

สักพักก็เรียกเราเข้าห้องสอบค่ะ วันนี้มีต่างชาติมาสอบเเค่ 6 คนวันนี้
เมืองนี้อาจจะชาวต่างชาติน้อยก้อเป็นได้
เราเลือกคำถามเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แต่เป็นถาษาอังกฤษที่งงลื้มม
แปลอะไรกันม๊าาา

ข้อสอบในเล่มมี 20 ข้อ แล้วแต่ว่าใครจะโดนทำข้อเลขคู่ หรือข้อเลขคี่
ใน 10 ข้อ ผ่านที่ 7 ข้อค่ะ ข้อสอบง่ายๆเป็นเศนส์ในการขับรถมากกว่านะเราว่า
ไม่ยากๆ แต่จาก 6 คน ผ่าน 4 ค่ะ 
ระหว่างรอคนอื่นสอบเสร็จก็เจอคุณป้าคนไทย แกมาเชียร์เพื่อนแกสอบ
แกก้อมาเล่าประสบการณ์ตอนแกมาสอบขับที่สนามนี้
ก่อนขึ้นรถต้องเชคยางรอบคัน ปรับเบาะ คาดเบลท์ สตาร์ทรถ
ปรับกระจก ขึ้นสะพานต้องบีบแตรรงที่มีป้ายนะ งู้นงี้ เราก็จำๆๆค่ะ
ป้าแกบอก ทุกอย่างต้องโอเว่อร์ แล้วจะผ่าน 5555

เมื่อผ่านข้อสอบแล้ว ก้อไปตรวจสายตา บอก สีเขียวเหลืองแดง สบายๆค่ะ
ก่อนเที่ยง เจ้าหน้าที่ก็พาไปดู สถานที่สอบข้อรถค่ะ ว่าเราต้องขับทางไหนไปไหน ยังไงๆ


ก้อดุ้กดิ้กประมาณนี้ ถามว่าตื่นเต้นไม๊
ก็มากอยู่ แต่พยายามเก็บอาการ เด๋วสามียิ่งรนไปด้วย

หลังทานข้าวเที่ยง ก็รีบลงไปเดินดูสนามจริงค่ะ
จนถึงเวลาบ่ายโมง เจ้าหน้าที่ก็มาแจ้งลำดับการขับรถค่ะ

ขานชื่อ อิชั้น อ่ะ คนแรกนะ 
เด๋ววววววว ละลุงเบอร์ 1 หายไปไหนนนน
แกเป็นแมนน่วลค่ะ โอ้ว ม่ายยยยย
สอบออโต้ก่อน อิชั้นเลยคนแรก ค่ะ สวัสดี
ยังไม่ทันจะได้ตื่นเต้นเลย นางเรียกขึ้นรถ อ่ะเริ่ม
เด๋ววววววววววววววววววววว ทำใจไม่ทันเด้อ

ละเรียกเบอร์ 2 ไปนั่งเบาะหลังค่ะ
ก่อนขึ้นรถ ในใจก็ท่องว่า โอเว่อ์ๆเข้าไว้
อิแม่ อุ้มท้องเดินรอบคันเลยจ่ะ
ถามว่าดูอะไร ไม่รู้เหมือนกัน ก็ก้มๆไป เหมือนเชคยางว่ะงี้
ปล. ล่ามรอข้างสนามนะจ๊าาา 

รถเหมือนแท็กซี่เก่าๆ แต่เครื่องใหญ่อ่ะ
ทั้งชีวิตขับแต่อีโค่คาร์ เครื่อง 1200 ซีซี 5555
พอปรับกระจก ปรับเบาะ ด้วยความโอเว่อร์เรียบร้อยแล้ว 
ก็พร้อมออกเดินทางค่ะ
เจ้าหน้าที่นั่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าข้างเรามาด้วย
โอ้โหว ลุงเงียบลื้มม กดดัน

จะออกถนนใหญ่ หรือจะเลี้ยว ต้องมองกระจกข้าง กระจกหลัง 
จนถึงหันคอออกไปมองด้านนอกจิงๆ
ทุกสิ่งอีนี่เล่นใหญ่มากกกกก กลัวลุงไม่รู้สึกว่าเราหันไปมอง 

ลุงก็บอกทางว่าเราต้องไปซ้าย ขวา ตรงเลขเบอร์ไหน
ซึ่งบอกเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่ะโชคดีที่มีความรู้เรื่องเลขบ้าง 
ไม่งั้นงงตาย 

เลี้ยวฟ๊าบบ สะพาน ขึ้นสะพานต้องบีบแตร
ปี๊นนนนน ดังเว่อร์ เล่นใหญ่ยันเสียงแตรค่ะ

ซึ่งป้ายนี้ ถ้าป้าคนไทยที่เจอไม่บอกให้บีบเเตร 
อิชั้นคิดว่าให้เปิดไฟหน้า 55555

โค้งตัว L โค้งตัว S 
ถนนเล็กมากจริงๆ และรถไม่ชินมือ 
เราขับเหมือนคลานอ่ะ เพราะถ้าตกถนนจะต้องถอยขึ้นมาละไปใหม่
ไม่ตกจะดีกว่า 5555 ถ้าตกสติน่าจะแตก

ตรงไหนให้หยุด ต้องหยุด ต้องมอง ต้องเล่นใหญ่
5 นาทีที่ขับ เหมือน 5 ชั่วโมงค่ะ
ลุงที่นั่งข้างๆ ก้อเขียนไรไม่รุ ยึกยือๆ 
แอบมองก้อไม่รู้เรื่องว่านี่ผ่าน หรือโดนหักคะแนน

วนจนครบแล้วก้อจอดเทียบที่เดิม
จนถึงดับเครื่องยนต์ค่ะ 
ลุงพูดว่า โอเค ละให้ไปรอตรงนู้น
นี่ผ่านไม๊อ่าลุงงง ลุงบอกหนูก๊อนนนน

สรุป ใครที่สอบขับเสร็จ และเจ้าหน้าที่ไม่คืนเอกสารให้ แปลว่าผ่านนะคะ
จาก 4 คนที่ผ่านข้อเขียนมาสอบขับรถช่วงบ่าย
ผ่านแค่ 2 คนค่ะ คืออิแม่ และหนุ่มโปแลนด์อีกคนนึง
ลุงอาจจะเห็นใจที่แม่พุงใหญ่มากแล้ว ปล่อยมันผ่านๆไป 555

เจอลุงอีกทีนอกสนาม ก็แซวเล่น ขำปกติๆ 
ละลุงจะขรึมทำไมในรถค้าา สติจะแตกเด้อออ
ใครที่ไปสอบละเจ้าหน้าที่ขรึมเว่อร์ หรือโวยวายเว่อร์
นั่นคือเค้ากดดันเรานะคะ
ให้ปล่อยชิวว มีสติ และเล่นใหญ่ ท่องไปแค่นี้ค่ะ

หลังจากนั้นก็รอถ่ายรูป และรับใบขับขี่กลับบ้านได้เลยค่ะะ
จากแปดโมงที่มาถึง เสร็จสิ้นที่ บ่ายสามโมงครึ่ง
อิพ่อหมดแรงลุ้น อิแม่หมดแรงสอบ
แต่ลูกยังดิ้นสนุกสนาน พลังล้นอยู่ในพุงค่ะ

ใครไปสอบขอให้โชคดีนะคะ 
ขอให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกกันทุกคนเลยน้าา

Tuesday, December 19, 2017

ตอนที่1 ปสก.เปลี่ยนใบขับขี่ไทย เป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น

บัตรประชาชน หรือ ID CARD ที่คนไทยใช้ในการยืนยันตัวตน
ใช้ได้ตั้งแต่สำนักนายก อำเภอ ตำบล อนามัย ยันใช้ขึ้นเครื่องบินภายในประเทศ

ที่ญี่ปุ่นไม่มีเด้อจ้าาาา 
ละนางใช้อะไร? ถามสามี นางตอบมา 2 อย่าง
1.บัตรประกัน ที่ทางรัฐบาลออกให้ มีทุกคน แต่มีแต่ชื่อ
ไม่มีรูป ละรู้ได้ไงว่าใครเป็นใคร สามีนางบอกก็ไม่รู้เหมือนกัน 555
หรือชนชาตินี้ เค้าไม่มีสวมรอยกันน้าา 

นิสัยพนักงานกราวน์เข้าสิง อิชั้นค่ะ
มันไม่ได้นะยูววว ไปขึ้นเครื่อง ละซื้อตั๋วโปร แบบเปลี่ยนชื่อไม่ได้ 
ละคนจองไปไม่ได้ ละส่งต่อบัตรให้คนอื่นก้อขึ้นเครื่องได้งี้อ่อ
หรือเดินๆไป เจอคนทำบัตรโดยสารตก ละเก็บไปขึ้นเครื่องได้งี้อ่อ
มันไม่ปลอดภัยยยย สามีก้อทำหน้างง คนเค้าอาจจะซื่อสัตย์กันจิงๆ 555 
เมื่อสองเดือนก่อนไปขึ้นเครื่องภายในประเทศ 
อิชั้นงงหนักกว่า นี่ปริ้นบัตรโดยสารมาจากบ้าน 
ไม่มีใครตรวจชื่ออิชั้นสักคน ไม่ว่าจะตรงเอ็กซเรย์ หรือตรงฉีกบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่อง
รู้ได้ไงว่าชั้นคือคนที่จองตั๋วมา โอ้ววววว ช๊อคค

เข้าเรื่องค่ะ ออกทะเลไปไกล
2.ใบขับขี่ค่ะ บัตรนี้มีรูปและชื่อค่ะ 
อิชั้นก็สงสัยอีกนั่นหล่ะ เกิดมาละมีเลยหรอ ใบขับขี่น่ะ
ถ้าคนไม่ขับรถอ่ะ ถ้าเด็กอายุยังไม่ถึงอ่ะ
สามีก็ตอบว่า บัตรประกันง่ะ

เออจ่ะ คำถามที่ไม่จบไม่สิ้น 55555

อ่ะต่อ ที่นี้อิชั้นมาอยู่นี่ แบบใช้ใบขับขี่สากลในการขับขี่ 
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่อย่างจริงจัง และใช้ Residence Card ในการยืนยันตัวตน
ซึ่งใบขับขี่สากล ใช้ได้ภายใน 1 ปีเท่านั้น จะต่ออีกที
คือต้องกลับไปอยู่ไทยให้เกินสามเดือน

สามีเลยว่า งี้เราไปทำใบขับขี่ญี่ปุ่นม๊ะ
จะได้รู้สึกว่าเมียนี่คือ คนญี่ปุ่นฉบับเกือบสมบูรณ์ละ
และไปก่อนพุงจะใหญ่กว่านี้ 
ไหย่กว่านี้ก้อน่าจะเดินไม่ไหวละค่ะ อิพ่ออ อิหอยยย

คนไทยที่มีใบขับขี่อยู่แล้วจากไทย
สามารถนำเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่นได้ค่ะ
ซึ่งยังต้องมีการสอบข้อเขียน และสอบขับรถอยู่นะคะ
มีแค่บางประเทศที่เปลี่ยนได้เลยไม่ต้องมีการสอบใดๆ

ก่อนหน้าที่เราจะไปสอบ เราก็มาเตรียมเอกสารกันก่อนค่ะ
1. ใบขับขี่จากประเทศไทย 
- ยังไม่หมดอายุ
- นับจากวันที่ออกบัตร จนถึงวันที่เข้าประเทศญี่ปุ่น มีระยะเวลาเกิน 3 เดือน
- หากต่อใบขับขี่มา ใบใหม่กริ้กก่อนมาอยู่ญี่ปุ่น ต้องไปขอเอกสาร
ยืนยันประวัติการออกใบขับขี่ครั้งแรก และการต่อใบขับขี่ เป็นภาษาอังกฤษ
ที่กระทรวงคมนาคมก่อนนะคะ

2.เอกสารแปลใบขับขี่
- แปลได้จากสำนักงาน JAF ค่ะ 
เอกสารที่ต้องเตรียม คลิก
ไปตามสาขาใกล้บ้านท่าน คลิก

3.หนังสือเดินทาง เล่มใหม่ เล่นเก่า เอาไปทุกๆเล่มที่มี 5555
เนื่องจากเปลี่ยนนามสกุลตามสามีหลังแต่งงาน 
และใบขับขี่ยังเป็นนามสกุลเดิม จึงเอาหนังสือเดินทางเล่มเก่าไปยืนยันค่ะ

4. Residence Card

5. ทะเบียนบ้านญี่ปุ่น หรือ Juuminhyo จูมินเฮียว
ให้ใส่ข้อมูลของสัญชาติลงไปด้วยนะคะ

เตรียมเสร็จก้ออุ่นใจนอนกอดเอกสารไปก่อน
อีกสองวันสามีถึงจะหยุดและพาไปสอบค่ะ

ข้อสอบกฏจราจรไม่ค่อยเครียด มี 10 ข้อ ต้องผ่านที่ 7 คะแนน
จากตัวอย่างข้อสอบ คลิก ไม่น่าจะตก มั๊ง 555555
แค่ตอบถูกผิดเองอ่า น่าจะพอไหว

แต่ แต่ แต่ เขาว่ากันว่า ทดสอบขับรถนี่คือสุดหิน
มีคนไปหลายยยยยยยทีแล้วยังไม่ผ่านก็มี
คือคนคุมสอบจะมานั่งกับเราในรถ ไม่เหมือนที่ไทย ที่เค้านั่งอยู่ไกลๆละให้เราขับไป
จะท่าไหน โยกมือ แหกปาก ฉีกขา หมุนตัวปานใด ถ้าผ่านทุกฐานก้อคือผ่านช่ะม๊ะ
ที่นี่ไม่ไช่จ้าาาา
ใครที่เคยดูชินจังจอมแก่น ตอนที่มิซาเอะไปสอบใบขับขี่ก็จะรู้ค่ะ
เราก็จินตนาการภาพไว้ประมาณนั้น 5555
แบบจะออกตัวต้องมองกระจกข้าง กระจกหลัง หันไปมองซ้ายขวา 
แบบต้องหันจิงๆ ไห้คนคุมสอบที่นั่งมาในรถกับเราเห็น
อะไรประมาณนี้ 5555
จะหาลิงค์มาแปะให้ดูกัน แต่หาไม่เจอ ขออภัยค่ะ 555

ทางสถานที่สอบใบขับขี่ แจ้งให้มีล่ามไปด้วย
สำหรับคนที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้ 
หวังแค่ว่า สามีจะไม่ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่คุมสอบรถคันที่อิชั้นขับนะคะ
หัวร้อนเหลือเกินนนนน พ่อคุณพ่อทูลหัว 

ละจะมาอัพเดตอีกทีนะคะ ว่ารอดหรือร่วง 55555
เป็นกำลังใจให้อิแม่ด้วยน้าา กราบบบบ

**เพิ่มเติมค่ะ
พกรูปหน้าตรงไปด้วยนะคะ ใช้ 2 ใบ
ขนาด 2.4X3 ซม. หรือ รูปถ่าย 1 นิ้วบ้านเราน่ะแหล่ะ
พกกาวสำหรับติดรูป ไปด้วยก็ดีค่ะ 







Saturday, December 2, 2017

ไปค่ะ ไปอบรมป๊าป่ะ ม้าม่ะมือใหม่กัน

แปปๆ ผ่านไป 29สัปดาห์ กับอีก 3 วันแล้วค่ะ
อีกไม่กี่วีค จิ๋วๆจะออกมาป่วนโลกล๊าววว
ถามว่าแม่พร้อมไม๊ ก็ไม่
ถามว่าพ่อพร้อมไม๊ ก็ไม่ 5555
สรุปไม่มีใครพร้อม นอนเล่นในพุงไปก่อนนะลูกก

ปกติแล้วภาษาญี่ปุ่น คุณพ่อ คือ โอโตซัง
คุณแม่ คือ โอกาซังค่ะ
แต่ในปัจจุบันมีการแทรกซึมของภาษาจีนเข้ามา 
เด็กๆสมัยนี้เลยเรียกพ่อแม่ว่า ป๊าป่ะ ม๊าม่ะ
(เสียงลงท้ายเป็นเสียงต่ำ)
ซึ่งต่างจากไทย ที่คำท้ายเสียงสูง ป่าป๊า หม่าม๊า 

เนื่องจากหน้าตาเราไม่หมวยพอที่จะเหมาะให้ลูกเรียก ม๊าม่ะ
อิพ่อเลยตัดสินใจให้ลูกเรียก แด๊ดดี้ มัมมี่ค่ะ
(ปล. หน้าตาอิชั้นเหมาะกับมัมมี่หรอ? ก็ไม่) 5555

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ลงทะเบียนตั้งครรภ์กับทางสำนักงานเขตไป
เราก็ได้ข้อมูลในการเรียนคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มาค่ะ
พอผ่านไปสามวัน เราสองคนก็ลืมไปแล้ว
ด้วยความที่เอกสารเยอะ เเละเป็นภาษาญี่ปุ่น
ทุกอย่างเลยอยู่ในถุง โดยไม่มีใครสนใจ 5555
จนเพื่อนที่ใกล้คลอด ไปเรียน ละมาเล่าให้ฟัง
เราจึงคิดได้ว่า อืมมมม เราควรจะใส่ใจกับมันนะ

ที่ไทยคอร์สอบรมส่วนใหญ่จะเป็นที่โรงพยาบาลที่เราฝากครรภ๋เป็นคนจัดอบรม
ที่ญี่ปุ่น คอร์สนี้อยูในการดูแลของรัฐบาลค่ะ ดำเนินการโดยสำนักงานเขต
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ฝากครรภ์ที่ไหนก็ได้ ไม่ได้อยู่เมืองนี้ก็มาอบรมได้ค่ะ

สามีโทรถามสำนักงานเขตเมื่อวาน ละมีคอร์สวันนี้
โชคดีที่ไม่เต็ม เราจึงสามารถเข้าอบรมได้ในวันนี้ค่ะ
ในแต่ละรอบ สามารถเข้าร่วมอบรมได้ 24 คู่ 
อายุครรภ์ตั้งแต่ 20 สัปดาห์เป็นต้นไปค่ะ

ตั้งแต่ 9.30-12.00น. สอนสิ่งที่สมควรรู้ขั้นเบสิคสุดๆให้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ
ฐานที่1 อาบน้ำ โดยแบ่งเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 4-5 คู่ 
เรียนรู้อุณหภูมิน้ำเท่าไหร่ที่เหมาะสม (ที่นี่อาบน้ำจิ๋วที่ 40 องศาค่ะ)
เริ่มยังไง เอาผ้าห่อก่อน จับยังไง เช็ดตา ล้างหัว ล้างก้น ถูหลัง
อาบเสร็จแล้วเช็ดตัวยังไง เช็ดสะดือ เช็ดหู เช็ดจมูก
สาธิตโดยผู้นำอบรม แล้วก็ปล่อยให้เราทำเอง โดยมีคนกำกับค่ะ
แต่ละกลุ่มมีแบ่งเป็นหุ่นเด็กผู้ชาย กับเด็กผู้หญิงตามเพศของจิ๋วๆในแต่ละบ้านค่ะ
ฐานนี้ อิพ่อได้ลองอาบ หัวลูกโขกขอบไปสองที เออ เริ่ดด 
มีแวว แววจะไม่รอด 55555555

ตอนพ่ออุ้มหุ่นอาบน้ำ จิ๋วในพุงนี่ดิ้นไม่หยุดเลยจ่ะ
สงสัยอยากอาบน้ำบ้าง อยู่ในพุงมันร้อนเนอะลูกเนอะ

ทุกคู่ผ่านไปได้ด้วยความทุลักทุเล จนครบทั้งโต๊ะ
เราก็เปลี่ยนไปฐานต่อไปค่ะ
ฐานที่2นี้ ให้คุณพ่อได้ฝึกท้องค่ะ ให้คุณพ่อได้ออกไปใส่ชุดที่มีถ่วงที่ท้องกับนม
มีชุดหนัก 6 กก. กับ 9 กก. จะได้รู้ซึ้ง เวลาที่คุณแม่อุ้มท้องรู้สึกยังไง
โอ๊ยยย ขำจนน้ำตาไหล ดูพ่อๆแต่ละบ้านละตลก


ดูสามีจะชอบใจ เลือกแบบ 9 กก.มาลองท้อง 5555


มีให้ลองนั่งตัดเล็บเท้า ให้ลองนอนหันซ้ายขวา ลองทำงานบ้านค่ะ
รู้แล้วใช่ไม๊หล่ะะะะ ชั้นหนักพุง 55555
จุดประสงค์เพื่อให้คุณพ่อ ทราบถึงความลำบากของคุณแม่ค่ะ
ว่าที่เราทำไรก็ต้วมเตี้ยม เหนื่อยง่าย ดูลำบากไปหมด
เพราะเรามีตัวเล็กอยู่ในพุง ต้องอุ้มนน.อย่างน้อย 6 กก.จนกว่าจะคลอด
มันลำบากนะ งี้ ให้คุณพ่อได้รู้ความรู้สึกนั้น และช่วยแบ่งเบางานบ้านจากเราค่ะ


ฐานสุดท้ายค่ะ ฐานที่ 3
ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองอุ้มในท่าทางต่างๆค่ะ
ซึ่งน้องตุ๊กตา มีน้ำหนักเท่าเด็กจริง และผิวหนังยืดหยุ่นดึ๋งๆ


รวมถึงเปลี่ยนแพมเพิส เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยค่ะ
ใส่เสื้อทีลูกแขนจะหักไม๊นั่น ดูหน้าอิพ่อ


ครบ 3 ฐาน เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงละค่ะ
จบการอบรมกันอย่างสนุกสนานทุกบ้าน

เป็นการอบรมที่ได้ความรู้ และความสนุกไปในตัว
ทุกๆคนได้จับหุ่นที่คล้ายเด็กจริง เพื่อเตรียมตัวต้อนรับสมาชิกใหม่กันอย่างทั่วถึง
วันที่จิ๋วคลอดมาจริงๆ เราจะได้พอจินตนาการได้
ทำให้คุณพ่อ พอทำอะไรเป็นบ้าง 
ช่วยอาบน้ำ ช่วยเปลี่ยนแพมเพิสแทนคุณแม่บ้าง
โดยที่อิแม่ไม่ต้องกังวลมาก ว่านางจะทำเป็นไม๊ 55555
แต่เท่าที่เห็นคุณพ่อทุกบ้านที่งกๆเงิ่นๆในการอุ้มเด็ก 
ต่างซักซ้อมจิงจังมากกว่าแม่ๆอีกค่ะ 

จบการอบรมฟรีๆครั้งนี้ เรายังมีของติดมือกลับบ้านอีกค่ะ
มีแพมเพิส กับครีมอาบน้ำ ไซส์ทดลองใช้ เป็นที่ระลึกค่ะ

ต้องขอบคุณทางรัฐบาลญี่ปุ่น สำนักงาน Hitachi City Office
ที่มีการจัดอบรมให้พ่อๆแม่ๆผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ได้ทดลองปฏิบัติเหมือนจริง กับหุ่นน้องที่สำลักน้ำไม่เป็นนะคะ

รอลูกคลอดละจะมาอัพเดตอีกทีค่ะ
ว่าที่เรียนมา นางลืมไปรึยัง 5555555

ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้นะคะ
แม่ๆทั้งหลาย สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ 


Saturday, October 14, 2017

ลูก(ในพุง)อยากไปดิสนี่ย์ซีย์

ข้ออ้างชัดๆ ใช่ค่ะ ข้ออ้าง 5555
เรากับสามี ได้บัตรดิสนี่ย์ฟรีมาจาก โรงแรมที่เราจัดงานแต่งงาน
เลือกได้ ระหว่าง ดิสนี่แลนด์ หรือ ดิสนี่ซีย์
รอบนี้เราเลือก ดิสนี่ซีย์ค่ะ ไปครั้งสุดท้าย ตอนแฟนขอแต่งงาน 
ซึ่งก้ออออออ สิงหา ปีที่แล้ว ปู้นนนนนน

อีกอย่างคือก้อรีบไปก่อน เจ้าจิ๋วจะออกมาป่วน
พ่อแม่ซอรี่นะจิ๋ว ที่แอบมาเที่ยวก่อน 5555

รอบนี้เราแบกจิ๋วอายุครรภ์ 22 สัปดาห์ + 1 วัน มาเที่ยวค่ะ

เป็นคนท้องที่ญี่ปุ่นเอาจิงๆ ดีไปแปดอย่าง
ความใส่ใจดูแลเค้าระดับไฮคลาส

ดิสนี่แลนด์ และดิสนี่ซีย์ มีบริการพิเศษสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ด้วยค่ะ
เราจะได้รับ Guest Assistance Card เพื่ออำนวยความสะดวก 
ให้กับเหล่าคุณแม่ พุงแตงโมทั้งหลายค่ะ



ซึ่งบริการนี้จะเป็นบริการเดียวกับผู้พิการ และผู้สูงอายุค่ะ
ชาวต่างชาติที่มาเที่ยว สามารถรับสิทธิ์นี้ได้เช่นเดียวกันนะคะ
เอาพุงแตงโมมายืนยันอย่างเดียวพอค่ะ

บริการ Guest Assistance Card นั้น ต้องมีการสำรองก่อนล่วงหน้านะคะ
สามารถทำการสำรองได้ตั้งแต่ 1 เดือนล่วงหน้า จนถึงวันก่อนหน้าที่จะไปค่ะ
แจ้งชื่อ แจ้งวัน เพียงเท่านั้นค่ะ ทางเจ้าหน้าที่จะจัดทำบัตรที่มีชื่อเราพิมพ์อยู่ในนั้น

รายละเอียด และเบอร์โทร ตาม Link นี้เลยค่ะ

เมื่อไปถึงดิสนี่ซีย์แล้ว ใครเอารถมา แจ้งเจ้าหน้าที่ตรงช่องจ่ายตังค์ได้เลย
ว่าเราเป็น Special Assistance มีจิ๋วอยู่ในพุงนะ เค้าจะมีบริการที่จอดรถแบบไกล้ๆให้ด้วยค่ะ

หลังจากตรวจกระเป๋า ติ๊ดบัตรเข้าไปเรียบร้อยแล้ว
เรามุ่งตรงไปรับ Guest Assistance Card ของเราก่อน
อยู่ตรงทางเข้าหลักเลยค่ะ เพียงแจ้งชื่อ และแจ้งจำนวนคนที่มากับเราด้วย
เค้าจะเขียนลงในบัตรของเราว่าเรามากันกี่คน

วิธีใช้คืออยากเล่นอะไร ก้อเดินไปหาเจ้าหน้าที่ ตรงจุดต่อแถว
ยื่นบัตรให้เค้า ละเค้าจะคำนวนเวลา 
สมมุติว่าแถวStandbyตอนนี้อยู่ที่ 60 นาที
อีก 60 นาที เป็นเวลากี่โมง เค้าจะเขียนใส่การ์ดเรามาค่ะ
พร้อมกับอธิบายว่าเครื่องเล่นนี้ ต้องมีบาร์กันตกนะ อาจจะเเตะที่พุง
มีเสียงดัง และมืด เราโอเคใช่ไม๊ ถ้าเราตอบเราโอเคก้อจบจ่ะ
ระหว่างนี้ เราจะไปเดินเล่น ถ่ายรูป กินข้าวอะไรก็ตามใจ
ไม่ต้องยืนต่อคิวนานๆ หรือตากแดดร้อนๆ 
เมื่อถึงเวลา ก้อเข้าช่อง Fastpass ไปเล่นได้เลย

แต่ระหว่างเวลาที่รอ เราไม่สามารถไปยื่นการ์ดไห้เครื่องเล่นชนิดอื่นเขียนเวลาได้นะคะ
ถ้าอยากเล่นต้องยืนต่อแถวเอง โชคดีวันที่เราไปแถวไม่ยาวเลย
บางเครื่องเล่น เราต่อแถวเองพอไหว ก้อต่อเองค่ะ

ถือว่าเป็นความใส่ใจเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ ที่คุณแม่พุงแตงโมทั้งหลายต้องการนะคะ
คือบางทีปวดหลัง ปวดเท้าไรงี้เน๊อะ 

มีคำถามว่า อิแม่มาเที่ยวเนี่ย เล่นอะไรบ้าง
เพราะเครื่องเล่นของดิสนี่ซีย์ดูฮาร์ดคอร์เหลือเกิน

แท้ที่จริงแล้ว มีเพียง 6 เครื่องเล่น จาก 28 อย่าง
ที่เราเล่นไม่ได้นะคะ

Tower of Terror ของแท้แน่นอน เครื่องเล่นแบบลิฟต์ตก ซึ่งอิพ่อมันเล่นไม่ได้อยู่แล้ว 555
Nemo and Friends Searider สั่นและเหวี่ยงและโดดดึ๋งๆ แบบอยู่ในเรือดำน้ำ อ้วกค่ะ 
Indiana Jones // Raging Spirits // Flouder's flying fish coaster // Jouney to the center of the Earth
สี่อย่างนี้เป็นแบบรถไฟเหาะ ใช้ความเร็วและมีเเรงเหวี่ยง กระแทก ไปเหมาะกับคุณแม่ค่ะ

ตาม Link จากเวปไซต์ Official ค่ะ

คุณแม่ตั้งครรภ์ ถ้าอยากมาเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อพักผ่อน
อยากมาช้อปปิ้งสินค้าดิสนีย์ อยากมาเอ็นจอยสวนสนุก
ในความคิดเรามาได้นะคะ คุณแม่ทุกคนรู้แหล่ะว่าต้องดูแลตัวเอง
เดินเยอะก้อพักสักหน่อย ร้อนไปก้อหลบร่ม
มาสนุกกับชีวิตกันได้เหมือนเดิมค่ะ

ส่วนคุณแม่ที่ห่วงจิ๋วๆในท้อง อะไรที่มีมูฟเม้นไม่โอเค
เลือกสนุกไปกับโชว์ต่างๆ ก้อมีให้เลือกนะคะ
ทั้งพาเหรด ทั้งคอนเสิร์ตเมอร์เมด ดัฟฟี่โชว์ เมจิคแลมป์เทียร์เตอร์ ฯ
รับรองว่ามีความสุขไม่แพ้กันค่ะ 

แล้วไว้จิ๋วออกมา ค่อยมาเล่นของเล่นด้วยกันใหม่ก็ยังได้
หวังว่าจิ๋วๆในท้องแม่ จะไม่กัวความสูงเหมือนพ่อนะจ๊ะ
55555555555555555







Monday, August 7, 2017

ขนมญี่ปุ่นหมดอายุเมื่อไหร่น๊าาาา

มาเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ขนขนมกลับไปสามกระเป๋า
กลัวน้องแย่ง เลยเอาไปซ่อนไว้
เพิ่งค้นเจอวันนี้ ยังกินได้ป่าวหว่าาาา??

อุ้ย ยังไม่หมดอายุนี่นา แกะกินแม่มมมม
เด๋วววว ใจเย็นก่อนเด้อออ
ปกติแล้ว ขนมญี่ปุ่นจากทุกสถาบันจะมีวันหมดอายุกำกับไว้
แต่!!! Format วันที่ของญี่ปุ่นนั้นจะเป็น ปี-เดือน-วัน
มาเลขสองหลัก XX-XX-XX โปรดจงระวัง


เหมือนรูปภาพประกอบจ่ะ 
ไม่ได้หมายถึง หมดอายุวันที่ 17 เดือนกันยายน ปี2021 แต่อย่างใด

...มันคือ ปี 2017 เดือนกันยายน วันที่ 21 นะเค๊อะ..

ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เด๋อมาก่อน 5555555


Tuesday, August 1, 2017

เตรียมตัวเป็นคุณแม่ ฉบับญี่ปุ่น


หลายๆคนน่าจะทราบแล้วเน๊อะ
ว่าตอนนี้เราเป็นคุณแม่แล้วววว
วู๊วฮู๊วว หน้าไม่งอ รอไม่นานจ่ะ
ณ วันนี้ อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ กับอีก 6 วันค่ะ
อาการแพ้ท้อง เริ่มค่อยๆหายไปตามพุงที่โตขึ้น

วันนี้เราจะแชร์ประสบการณ์ การเตรียมความพร้อม
ของคุณแม่ตั้งครรภ์ของชาวญี่ปุ่นกันค่ะ

เราจดทะเบียนตามกฏหมายญี่ปุ่น 
และได้รับวีซ่าพำนักระยะยาวเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งจะทำให้เราได้รับ "บัตรผู้พำนัก", "บัตรIDประชากรในเมืองฮิตาชิ"
"สิทธิรับเงินบำนาญหลังเกษียณอายุ 60ปี" และ "บัตรประกันสุขภาพ" 
จากทางรัฐบาลญี่ปุ่นค่ะซึ่งอิบัตรเนี๊ยยย ไม่ว่าจะไปหาหมอไหน 
หมอฟัน หมอตา หมอผิวหนัง รัฐออกค่าใช้จ่ายให้ถึง 70%
เริ่ดดดดดดดดดด

หลังจากที่เรามีการตรวจครรภ์เบื้องต้น
และฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลของที่นี่เรียบร้อยแล้ว
ทางรพ.จะให้แฟ้มเอกสาร ข้อมูลที่คุณแม่ควรรู้ต่างๆนาๆกับเรามา (ญี่ปุ่นล้วน)
รวมถึงโฆษณาคาร์ซีท เตียงเด็ก รถเข็น และตัวอย่างครีมทาลดรอยพุงแตก
นอกจากนั้น ยังมีเอกสารอีก 1 แผ่น ที่ยืนยันว่าเราท้อง และฝากครรภ์กับทาง รพ.
เพื่อให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อนำไปแจ้งกับที่ว่าการอำเภอ

อำเภอ? บอกอำเภอทำไมว่าเราท้อง? งงจ่ะ งง
วันนี้ฤกษ์สะดวกเลยเข้าไปอำเภอซะหน่อย

ได้เอกสารมาอีกบานเลยจ่ะ
แต่!!! มีภาษาไทยเหวยยยยย

หนังสือคู่มือสุขภาพอนามัยแม่และบุตร เวอร์ชั่น ไทย-ญี่ปุ่น
ที่จริงมีอีกประมาณเจ็ดภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส เกาหลี จีน อะไรประมาณนี้
เลือกไทยมา เพื่อความเข้าใจง่าย และไม่เข้าใจผิดของอิแม่ 555

ด้านในเป็นบันทึกส่วนตัวของผู้ตั้งครรภ์ โรคประจำตัว
ประวัติการผ่าตัด อาชีพ สิ่งแวดล้อมบริเวณที่อยู่อาศัย
บันทึกการตรวจครรภ์ตั้งแต่เริ่มแรกยันคลอด
ความปกติ ผิดปกติ ของเด็กก่อนคลอด - หลังคลอด
ตรวจฟัน วัคซีน บลาๆ จนลูกอายุ 6 ขวบ
ไม่ต้องไปบันทึกที่อื่น เล่มเดียวจบ ปึ้ง

ด้านหลังเล่มนางมี กฏของบุตร ตามกฏหมายญี่ปุ่น แปลไทยให้อ่านเล่นๆ
ประกาศเมื่อวันที่ 5 พค. 1951 ผ่านมาแล้ว 66 ปี 5555
คร่าวๆประมาณนี้ค่ะ

"เด็กก็เป็นบุคคลเหมือนกัน 
พิจารณาเด็กเหมือนกับสมาชิกของสังคมคนหนึ่ง
ควรเลี้ยงเด็กขึ้นมาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี"

"เด็กทุกคนต้องได้รับการรับรองอย่างแน่นอนว่ามีความบริบูรณ์
ทั้งสุขภาพและจิตใจและผู้ปกครองอยากให้เด็กเกิด"

"เด็กทุกคนจะต้องได้รับแนวทางเพื่อที่จะเติบโต 
ไปรู้จักความรักและธรรมชาติ นับถือวิทยาศาสตร์และศิลปะ 
และยอมรับคุณค่าของความซื่อสัตย์สุจริต"

"เด็กทุกคนจะได้รับการรับประกันแน่นอนว่าจะต้องได้รับการศึกษา
จากสภาบันที่มาของการศึกษาพร้อมทุกอย่าง"

"เด็กทุกคนรับประกันแน่นอนว่าจะต้องได้รับความบันเทิง"

อ่านละก็ใจชื้น ลูกเกิดมาบันเทิง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีแน่นอน 555555


บัตรฟ้าใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ 
ระยะเวลาครอบคลุมจนถึงวันที่คลอดค่ะ
ในเล่มขาวจะเป็นบัตรส่วนลด ที่เอาไว้ใช้กับรพ.ตอนที่เราไปเชคอัพค่ะ



พวงกุญแจ และสติ้กเกอร์คุณแม่ตั้งครรภ์ ไว้ห้อยกระเป๋า
ติดหลังรถ ผูกคอ ติดหน้าบ้าน อะไรก็ได้
ไว้ให้ผู้พบเจอเรามีความเมตตาปราณี อย่าเดินชนเก๊าาาา งี้


บ้านเราอยู่จังหวัด อิบารากิค่ะ เลยได้รับบัตร อิบารากิ คิดส์ คลับมา
เป็นส่วนลด หรือสิทธิพิเศษต่างๆตามร้านอาหาร และร้านค้าที่ร่วมกับโครงการนี้

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังแจ้งอีกว่า ก่อนคลอด 4 เดือน 
สามารถมารับ สติ้กเกอร์รูปคนท้อง เอาไว้แปะรถ 
และเราจะสามารถจอดรถในช่องพิเศษที่สำหรับคนท้อง,ผู้ใช้รถเข็น ที่ใกล้ๆทางเข้าอ่ะค่ะ
นึกออกใช่ม้ะ 555 สามารถใช้ได้จนถึง ลูกอายุ 6 เดือนค่ะ
ที่นี่จอดกันมั่วๆไม่ได้น้าา ท้องสองเดือนก็ยังไม่ได้สิทธิจอดนะจ๊ะ 

แถมด้วยเมนูอาหาร วิธีเลี้ยงลูก อาบน้ำ แปรงฟัน
และโฆษณาขายของอีกปึกนึงเหมือนเดิม 5555

ประสบการณ์ในวันนี้ ทำให้รู้ว่า ญี่ปุ่นนี่ เค้าใส่ใจกับทุกอย่างจริงๆเน๊อะ
คุณภาพชีวิตของคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องดี ครอบครัวจะยากดีมีจนต่างกันแค่ไหน
รัฐช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย และการวางแผนเต็มที่ มีระเบียบเป็นมาตรฐาน
มีแนวทางการปฎิบัติที่เป็นรูปธรรมในการเลี้ยงดูเด็กคนนึงขึ้นมา 
ดูแล และใส่ใจประชากรที่จะเกิดขึ้นมาตั้งแต่อยู่ในท้อง
ประชากรจะมีคุณภาพหรือไม่ มันต้องเริ่มกันตั้งแต่แรก
สังคมและประเทศจะได้รับประชากรแบบไหนไปร่วมพัฒนา 
รัฐ และครอบครัว ต้องร่วมวางแผนไปด้วยกัน